การปรากฏตัวของตู้ไปรษณีย์ (Post box)
ทำให้นกพิราบและควันไฟต้องหลบลี้หนีหาย ขณะเดียวกับที่อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ได้โตวันโตคืน
กระดาษและน้ำหมึกจึงเป็นเหยื่ออันโอชะของระบบการสื่อสารในยุคจักรกล แต่เพียงชั่วระยะที่นกพิราบและควันไฟยังไม่สิ้นกลิ่นจาง
ตู้ไปรษณีย์กลับต้องมาล้มป่วยไปทีละรายสองราย
จนโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาไปทั่วทุกมุมโลก.....
ตู้ไปรษณีย์ (Post box ภาษาอังกฤษเขียนแบบของ British English และที่อื่น
ๆ ก็เขียนแบบเดียวกันคือ postbox แต่ที่รู้จักกันดีในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาคือ
collection box, mailbox, post box, letter box หรือ drop
box) คือ วัตถุที่มีรูปร่างเป็นกล่องซึ่งสาธารณชนสามารถฝากจดหมายส่งไปยังที่ต่าง
ๆ ได้เก็บรวบรวมโดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้บริการส่งไปรษณีย์ (postal
service) ของประเทศ คำว่า
ตู้ไปรษณีย์นี้หมายถึงกล่องไปรษณีย์ส่วนบุคคลที่เรียกว่า letter box ที่ไว้รับจดหมายด้วย
ตู้ไปรษณีย์กำเนิดขึ้นในยุโรปเป็นครั้งแรกในปี
1653
โดยเชื่อกันว่าติดตั้งในปารีส (Paris) และบริเวณรอบ
ๆ โดยในปี 1829 ได้มีการใช้แพร่หลายทั่วฝรั่งเศส
ตู้ไปรษณีย์สาธารณะเกิดขึ้นครั้งแรกในโปแลนด์โดยติดตั้งที่กรุงวอร์ซอว์ (Warsaw) ในปี 1842
โดยตู้แรกติดตั้งที่ผนังกำแพง ณ
ที่ทำการไปรษณีย์ Wakefield Post Office ในปี 1809
และเชื่อว่า ที่เก่าที่สุดมีให้ดูที่ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบันได้นำไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Wakefield Museam
ส่วนตู้ไปรษณีย์สาธารณะตู้แรกในรัสเซีย
ติดตั้งเมื่อปี 1848 ในเมือง St.
Petersberg ทำด้วยไม้และเหล็ก
เพราะว่าตู้เหล่านี้มีน้ำหนักเบาและถูกขโมยง่าย จึงหายบ่อยมาก
ตู้ไปรณีย์จึงทำด้วยเหล็กหล่อ (cast iron)
ที่แข็งแรงน้ำหนักมากกว่า 45 กิโลกรัม
ในเอเชีย
ตู้ไปรษณีย์ไปถึงครั้งแรกในปลายศตวรรษที่ 19 ในฮ่องกง (Hong
Kong) ทำด้วยไม้ ในปี 1890 ตู้ไปรษณีย์แบบหลักเสา
(Pillar box)
ปรากฏขึ้นในฮ่องกงและรักษาไว้ใช้จนกระทั่งปลายปี 1990 จากปี 1890
– 1997 ตู้ไปรษณีย์ทาด้วยสีแดง แต่หลังปี 1997 ทาด้วยสีเขียว
"ตู้ไปรษณีย์แบบเสาหลัก (Pillar box)"
และที่อเมริกาเหนือ (North
America) ที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐอเมริกา (The United States
Post Office Department)
เริ่มติดตั้งและรวบรวมจดหมายส่งเป็นบริการสาธารณะในปี 1850 มีอยู่นอกสำนักงานและตามมุมถนน
ในเมืองใหญ่ ๆ ทางตะวันออก
ตู้ไปรษณีย์รับจดหมายอันแรกออกแบบให้ใช้แขวนหรือช่วยส่งเสริมตู้ท่ตั้งอยู่ในรูปแบบต่าง
ๆ เช่น ตู้ไปรษณีย์แบบหลักเสา (pillar boxs) แบบเสาไฟฟ้า (lamp-posts)
แบบส่งโทรเลข (telegraph poles) หรือ
แม้แต่ที่ติดอยู่ข้างอาคาร ในปี 1880 ตู้ไปรษณีย์แบบหลักเสาเหล่านี้ทำด้วยเหล็กที่มีน้ำหนักมากเพื่อป้องกันการขโมยหรือการทำลายทรัพย์สินของรัฐ
(vandalism) เมื่อจำนวนจดหมายมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่ทำการไปรษณีย์ (Post Office Department) จึงค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ตู้ไปรษณีย์แบบหลักเสาจนเต็มพื้นที่ในราวปลายปี 1960
ไปรษณีย์ในประเทศไทยมีประวัติย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นเส้นทางจดหมายจากสวรรคโลกผ่านสุโขทัยไปยังกำแพงเพชรใช้สำหรับการปกครอง ในปี พ.ศ.
2423 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้ดำริให้มีการจัดตั้ง กรมไปรษณีย์ขึ้นเพื่อเปิดบริการไปรษณีย์
เปิดรับฝาก ส่งจดหมายหรือหนังสือ เป็นการทดลองในเขตพระนครและธนบุรีขึ้นเมื่อ
วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 มีที่ทำการไปรษณีย์สำหรับจังหวัดพระนคร ด้วยเรียกกันว่า "ไปรษณียาคาร"
ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็น
เป็นสมควรจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง "กรมไปรษณีย์โทรเลข" ขึ้นซึ่งต่อมาเรียกกันโดยทั่วไปว่า
"ที่ทำการไปรษณีย์กลาง" อยู่ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบริการสาธารณะ
"การส่งจดหมายในสมัยรัชกาลที่ 5"
ในปี พ.ศ. 2520
ได้มีการจัดตั้ง “การสื่อสารแห่งประเทศไทย
(กสท.) ” ขึ้นโดยรับมอบกิจการด้านปฏิบัติการทั้งหมด รวมถึงการให้บริการไปรษณีย์จากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาดำเนินการ
โดยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ต่อมาสำนักงานใหญ่ย้ายมาอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่ง กสท.
ได้ปรับปรุงและพัฒนาบริการให้เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด
จนเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำที่ยิ่งใหญ่ มีศักยภาพเครือข่าย ระบบ และคุณภาพบริการระดับมาตรฐานสากล
จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแปรสภาพรัฐวิสาหกิจ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เทียบเท่าภาคเอกชน ซึ่ง กสท.
เป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่ต้องดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว ปี พ.ศ. 2546คณะรัฐมนตรีมีมติให้แปรสภาพ กสท. แยกกิจการเป็น 2
บริษัท คือ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด
(มหาชน)
"ที่ทำการไปรษณีย์กลางกรุงเทพมหานคร"
บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ยังคงสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ
สังกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งอยู่ที่ อาคารสำนักงานใหญ่ ปณท.
ถนนแจ้งวัฒนะ โดยปฏิรูปภาพลักษณ์ใหม่ ปรับปรุงบริการและการให้บริการไปรษณีย์แก่ประชาชนทั่วไปและพัฒนาการให้บริการเชิงธุรกิจ
เพื่อให้ ปณท. ก้าวไกล ทันสมัย
ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเอื้อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดไป
แต่เพียงชั่วระยะที่นกพิราบและควันไฟหลบลี้ไปยังไม่สิ้นกลิ่นจาง
ตู้ไปรษณีย์กลับต้องมาล้มป่วยไปทีละรายสองราย
จนโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาไปทั่วทุกมุมโลก
เมื่อเทคโนโลยีได้นำนวัตกรรมการสื่อสารเข้าสู่ยุคดิจิตัล (Digital age)
อินเตอร์เน็ตได้ทำให้การสื่อสารในรูปแบบสิ่งพิมพ์ต้องหนาวสั่น
เมื่อข้อมูลข่าวสารได้ส่งผ่านอิเล็คทรอนิคเมล์อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้บริการของไปรษณีย์อีกต่อไป
ตู้ไปรษณีย์ (Post box) จึงค่อย ๆ หายไปจากมุมถนนรนแคม
และแม้ตู้รับจดหมาย (Letter box) ตามสำนักงานและบ้านเรือนก็โดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา
จะมีก็เพียงจดหมายจากบริษัทเงินกู้มาใช้บริการนาน ๆ ครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น