วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

บุคคลแห่งปี 2014 (2014 Person of the Year) นักรบอีโบล่า (The Ebola Fighters): คนผู้ขานรับเสียงเพรียกหา (7)


                                                                                                                   David Von Drehle   รายงาน
                                                                                                         สุริยา เผือกพันธ์ แปลและเรียบเรียง

                “ที่ชานเมืองมอนโรเวีย เมืองหลวงของไลบีเรีย ผืนหญ้าสีเขียวอยู่ท่ามกลางปาล์มและพืชเขตร้อน เป็นสถานที่ก่อเกิดเรื่องราวของกลุ่มคนในบ้านสีเหลืองสดใสแจมด้วยสีน้ำเงินอย่างประณีต นี่คือหน่วยปฏิบัติการ The campus of Eternal Love Winning Africa ที่ที่ไม่มีเชื้อชาติศาสนา” และนี่เป็นหนึ่งในบุคคลแห่งปี 2014



เอลล่า วัตสัน-สไตรเกอร์ (Ella Watson-Stryker) วัย 34 ปี ผู้ส่งเสริมสุขภาพกับแพทย์ไร้พรมแดน องค์กร Medecines Sans Frontieres (MSF)

                กินิหักอกฉัน ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อที่จะนับจำนวนคนตาย ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อที่จะดูครอบครัวสูญเสีย ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อที่จะดูโศกนาฏกรรมของหมู่บ้าน หมู่บ้านในกินิที่อยู่ห่างออกไปจากถนน ในบ้านว่างเปล่า มันหมดไปทั้งครอบครัว มันเป็นที่ที่กลายเป็นหมู่บ้านป่าช้าและฉันรู้ว่าทุกคนอยู่ในหลุมฝังศพ
                มันอาจเป็นความดำมืดที่สุดในกีนิ ในวันเริ่มต้นเดือนพฤษภาคม คนสำคัญได้กลับเข้ามาในหมู่บ้าน เขามาร่วมงานศพ และเป็นเพราะว่าเขาเป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้านนี้อย่างมาก เมื่อเขาเสียชีวิตลงทุกคนต้องมาร่วมงาน ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากของคนเราที่เราไม่ต้องการฝังบางคนไปกับอาเจียนและอุจจาระ เราต้องการชำระล้างร่างกาย
                ดังนั้น ในสัปดาห์แรก ญาติพี่น้องที่เป็นผู้ชายทั้งหมดของเขาได้เข้ามาเยี่ยม และทุกคนเสียชีวิตทั้งหมด และต่อมาญาติที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดได้มาเยี่ยมอีกและทุกคนได้เสียชีวิตเช่นกัน และต่อมาเด็ก ๆ ได้มาเยี่ยม เราได้รับเด็กไปรักษาที่ศูนย์สามคน ที่สุดรอดชีวิตเพียงคนเดียว อายุ 12 ขวบ เธอหันหน้าของเธอเข้าฝา ไม่อยากพูด ไม่อยากกินอะไร เธอถูกทำร้ายอย่างรุนแรง ด้วยการสูญเสียทุกคนในครอบครัว เหลือเพียงสิ่งเดียวที่เธออยากจะพูดคือ พาฉันไปหาแม่เถิด


ดร.โจแอนนี ลิอู (Dr.Joanne Liu)  วัย 49 ปี ประธานนานาชาติแห่ง MSF

                ฉันจำได้ดีถึงการพูดขององค์กร WHO เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสที่อยู่ภายใต้การควบคุมและนำพวกเราไปด้วยความเชื่อมั่นในพวกขั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เลย การตื่นตัวเกิดขึ้นเมื่ออาสาสมัครจากองค์กร Samaritan’s Purse ได้รับเชื้อเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ทันใดนั้นเอง จริง ๆ แล้ว อีโบล่าไม่ได้อยู่ไกลไปจากโลกตะวันตกเลย
                มันเป็นความอึดอัดที่จะมีชีวิตอยู่อย่างกดดัน ไม่มีอะไรที่สำคัญยิ่งเท่ากับ ผลของการระบาดเท่ากับ อีโบล่า ความน่าสะพรึงกลัวที่สุดจากการระบาดนี้คือ เมื่อสุขภาพของคนในสาธารณะรู้สึกว่าจะไม่ได้รับการตอบสนองในวิธีการป้องกันดูแล ทำไมเราไม่เรียนรู้จากวิกฤติในครั้งนี้อีกสักเรื่องหนึ่ง
                เพื่อนของฉันคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวว่า การต่อสู้กับอีโบลา มันเหมือนเป็นการต่อสู้ในแนวหน้าของสนามรและมันมีปืนกลไฟยิงใส่เราตลอดเวลา ในเดือนกันยายน เราจะเป็นหน่วยรักษาที่แยกออกมาต่างหากโดยใช้เวลาเพียงสองสามนาที เพียงแต่จัดเตียงไว้ในที่คนเสียชีวิตในตอนกลางคืน หลังจากนั้นเราจะนำทุกคนไป มันเป็นสถานการณ์ของการขาดมนุษยธรรม เราเห็นคนตายต่อหน้าโดยปราศจาคความรัก เพียงแค่ในห้วงที่คนขาดสิ่งนี้ เรากลับโชคดีอย่างมาก เรามีคนติดเชื้อเพียงสองสามคนเท่านั้นซึ่งไม่มากเลย
                ในตอนแรก ฉันได้ยินว่า หนึ่งในสมาชิกของเราติดเชื้อ ฉันได้รับเสียงโทรศัพท์กลางดึก มันทำลายและเรารู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมา พวกเราปรารถนาให้ความเสี่ยงเป็นศูนย์ แต่ทุกอย่างที่เราทำ การปลอดความเสียงไม่มีความยั่งยืน






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น