วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

บุคคลแห่งปี 2014 (2014 Person of the Year) นักรบอีโบล่า (The Ebola Fighters): คนผู้ขานรับเสียงเพรียกหา (ตอนจบ)



                                                                                                             David Von Drehle   รายงาน
                                                                                                  สุริยา เผือกพันธ์ แปลและเรียบเรียง

                “ที่ชานเมืองมอนโรเวีย เมืองหลวงของไลบีเรีย ผืนหญ้าสีเขียวอยู่ท่ามกลางปาล์มและพืชเขตร้อน เป็นสถานที่ก่อเกิดเรื่องราวของกลุ่มคนในบ้านสีเหลืองสดใสแจมด้วยสีน้ำเงินอย่างประณีต นี่คือหน่วยปฏิบัติการ The campus of Eternal Love Winning Africa ที่ที่ไม่มีเชื้อชาติศาสนา” และนี่เป็นหนึ่งในบุคคลแห่งปี 2014



ดร.ทอม ฟรีเดน (Dr.Tom Frieden) วัย 54 ปีผู้อำนวยการของ CDC แห่งแอตแลนต้า

                เมื่ออีโบล่าโจมตีอัฟริกาตะวันตกในครั้งแรก พวกเรารู้สึกเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง ในเดือนมีนาคม ผมบอกเรื่องนี้กับทีมงาน “มีอีโบล่าเกิดขึ้นครั้งแรกในอัฟริกาตะวันตก เราต้องการทีมงานเพื่อไปหยุดมันเดี๋ยวนี้” เราส่งทีมงานไปเป็นจำนวนมาก แต่อีโบล่ามันมีที่อยู่เฉพาะ เพราะว่ามันต้องการการเอาใจใส่อย่างมากในรายละเอียด มันคือความตาย มันคือสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว
                ดังนั้น ทำอย่างไร เราจึงส่งกี (Gee) โดยบินตรงไปให้เร็วที่สุด ทำวีซ่าทันที จะไปกันกี่คน จุดต่ำสุดคือ ชีวิตปลอดภัย
                เมื่อเกิดเรื่องครั้งแรก เราส่งทีมงานไปด้วยความรู้สึกว่าจะควบคุมมันได้ แต่มีความไม่ลงรอยกับองค์กร WHO ซึ่งผมเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรนั้น ที่สำคัญที่สุด พวกเขาคิดว่าสามารถควบคุมมันได้ลไม่ต้องการพวกเรา ดังนั้นผมจึงบอกกับ WHO “ขอให้พวกเราเข้าไปเถอะ นี่มันคือ เรื่องน่าขัน”  พวกเขาต้องการทำงานด้วยตนเอง มันเป็นความขมขื่น พวกเขาไม่ต้องการมีความรู้สึกเหมือนกับว่าขึ้นอยู่กับองค์กร CDC  WHO ไม่ต้องการพวกเราไปอยู่ที่นั่น ดังนั้น พวกเราจุงต้องจากไป และต่อมาอีโบล่าได้กลับมาใหม่
                ในความเป็นจริง WHO มีผู้เชี่ยวชาญด้านอีโบล่าที่เยี่ยมมาก แต่ผมคิดว่า WHO มีองค์กรที่ที่แตกต่างกันอยู่ 3 องค์กร คือ องค์กรมีสำนักงานอยู่ที่เจนีว่า ที่ภูมิภาคและระดับประเทศ ที่เจนีว่าดีมาก แต่ที่ภูมิภาคและประเทศติดต่อยากและมีปัญหามาก ดังนั้น เราจึงมีความท้าทาย แต่เหมือนเป็นสายน้ำใต้สะพาน WHO รู้ในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ และพวกเราต้องการไปช่วยเขาคิดเกี่ยวกับว่า เราจะขับเคลื่อนภารกิจไปข้างหน้าอย่างไร
                ในต้นเดือนสิงหาคม เมื่อผมกระตุ้นไปที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (Emergency Operations Center) ในแอตแลนต้า เป็นที่ชัดแจ้งว่าเราได้ทำตรงเวลากับที่อีโบล่าระบาด มันเป็นไวรัสตัวเก่า แต่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน มันทำงานแตกต่างกันมากและยากมากในการควบคุม อย่างไรก็ตามมันเหมือนกับว่าเราได้ทิ้งตัวไปที่มัน เพียงแต่ควบคุมการเติบโต เราได้ส่งทีมงานมากเท่ามากเข้าไปทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่นั้น ในห้องทดลอง โดยทำงานร่วมกับ MSF ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น มันอดที่จะคับข้องใจไม่ได้
                เพราะว่าปกติแล้ว ผมเป็นคนที่ขาดความอดทนโดยธรรมชาติ ผมรู้สึกว่าต้องไป ดังนั้น ผมจึงไปถึงที่นั่นในปลายเดือนสิงหาคม สถานการณ์มันน่ากลัว ผมเคยมีประสบการณ์ในการดูแลสุขภาพมา 25 ปี ทำงานในแหล่งเสื่อมโทรมที่อินเดีย เดินทางไปทำงานโรคเอดส์ในที่ต่าง ๆ ของอัฟริกา แต่ไม่เคยเห็นอะไรแบบที่ผมเห็นที่นั่น
                เราไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะไม่เกิดในสหรัฐอเมริกา เราไม่สามารถรับประกันได้ว่า จะไม่มีโรงพยาบาลที่ขาดหมอวินิจฉัยและรักษาโรคคนที่ได้รับเชื้อ แต่เราสามารถรับประกันได้ว่า เราจะทำทุกอย่างด้วยหน้าที่ของเราในการปกป้องอเมริกา มันเป็นงานสำคัญสูงสุดของพวกเรา ความจริงคือ เราไม่สามารถจะทำให้มันหมดไปได้จนกว่า เราจะหยุดการแพร่กระจายในอัฟริกาตะวันตกได้ มันเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานด้วยความยากลำบาก


ซาโลม การ์วาห์ (Salome Karwah) วัย 26 ปี ผู้ช่วยพยาบาลในคลินิก MSF มอนโนเวีย

                เมื่อฉันป่วย ฉันได้ป้อนนมลูกวัย 10 เดือน พี่ชายของฉันนำเลือดของลูกไปตรวจ เลือดเธอเป็นลบ (ต่อมาคู่หมั้นของฉันป่วย) เขาลูกสาวของฉันไปที่ ETU และฉันไปเยี่ยมทุก ๆ สองวัน ลูกสาวลุกขึ้นยืนข้ามรั้วและฉันจะร้องเพลงให้เธอฟัง ฉันร้องเพลงกล่อมเธอในวันที่เธอเกิด ฉันร้องกล่อมนอน มันเหมือนกับที่ฉันร้องอยู่นี้ “นอนเถอะหน่า หลับตามแม่จะกล่อม” เธอจะหัวเราะ เล่นและต่อจากนี้ไปพวกเขาจะนำเธอกลับบ้าน



โฟเดย์ แกลลาห์ (Foday Gallah)  วัย 37 ปี ที่ปรึกษารถพยาบาลฉุกเฉิน (Ambulance Supervisor) ใน
มอนโรเวีย

                ฉันจะกลับไปทำปีกให้ครบ ไม่กลัว จะเดินหน้าต่อสู้กับอีโบล่าด้วยพลังของฉันทั้งหมด คนจำนวนมากต้องตาย แต่ฉันจะรักษาและทำงานเพื่อพระเจ้า ฉันสร้างภูมิคุ้มกันแล้วมันเป็นเหมือนของขวัญ

                ฉันจะนำรถฉุกเฉิน ไปทุกซอกทุกมุมของเมืองหลวง แม้จะเป็นผู้ป่วยอีโบล่าก็จะรับไปที่หน่วยรักษา และอวยพรให้เขามีความหวัง ให้กำลังใจ และพยายามศึกษาคนที่ติดเชื้ออีโบล่า 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น