วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ข้าเก่าเต่าเลี้ยง: ฟางฟ่อนสุดท้าย



                ตอซังฟางข้าวระบายสีน้ำตาลดารดาษเท้องทุ่ง มีเพียงเรียวหญ้าสีเขียวบนคันนาที่ตัดผ่านผืนทุ่งเป็นตารางพอให้ไอ้ทุยได้ละเลียด มันเป็นฤดูเก็บเกี่ยวต้นเดือนอ้ายปลายเดือนสิบสอง แสงตะวันยามนี้เปลี่ยนองศาขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และกำลังบ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตกในมุมเดียวกัน แดดยามสายเริ่มแผดร้อน แต่ดูเหมือนจะไม่สะเทือนผิวไอ้ทุยที่เจ้าของปล่อยให้มีอิสระในการและเล็ม มันเป็นเสรีภาพที่ผูกโยงด้วยเชือกยาวราวห้าเมตรที่เกี่ยวปลายข้างหนึ่งเกี่ยวไว้กับกอหญ้าบนคันนา
ห่างไปไม่ไกลเสียงกระหึ่มของเครื่องเกี่ยวข้าวกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กลไกของมันบดปั่นรวงข้าวจนเมล็ดป่นร่วงใหลลงสู่กระสอบป่านที่รองรับอยู่ปลายรางของเครื่องจักกล ท่อลมระบายฟางของเครื่องเกี่ยวที่ปลายท่อโผล่ออกไปอีกด้านหนึ่งกำลังพ่นเศษฟางฟุ้งเป็นฝุ่น ลอยขึ้นไปในอากาศจนแรงลมจากท่ออ่อนระทวย กลุ่มเศษฟางจึงร่วงลงสู่พื้นถมทับกันเป็นพะเนิน กระบวนการเก็บเกี่ยวในยามนี้ใช้แรงงานเพียงไม่กี่คนก็สามารถจัดเรียงกระสอบข้าวไว้รอการขนถ่ายเข้าสู่เมือง


ย้อนหลังไปไม่ไกล แรงงานในไร่นาเป็นแรงงานจากแรงคนและแรงสัตว์โดยเฉพาะควาย  กระบวนการผลิตและการเก็บเกี่ยวไม่เร่งรุด ค่อยเป็นค่อยไป ทุกขั้นตอนอาจใช้แรงงานไหว้วานที่เรียกว่า ลงแขก ผลัดเปลี่ยนกันจากนาโน้นไปนานี้ นานี้ไปนานั้น เป็นวัฒนธรรมแห่งการเกื้อกูลพึ่งพาซึ่งกันและกัน ผลผลิตที่ได้ขึ้นลานและลำเลียงเก็บไว้ในยุ้งฉางเพื่อบริโภคต่อไป
ต่อมาอีกไม่นาน เข้าสู่ยุคทรานซิสเตอร์ที่เสียงเพลงจากวิทยุเข้าไปขับกล่อมแรงงานในไร่นา เสียงมันลั่นทุ่ง กระบวนการผลิตและการเก็บเกี่ยวยังใช้แรงงานในชนบท เป็นแรงงานหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่ไม่สามารถเรียกใช้ไหว้วานกันได้อีกต่อไป ทุกแรงงานต้องจ้าง ค่าจ้างเริ่มต้นจากหลักร้อย ร้อยยี่สิบ ร้อยหกสิบ สองร้อย และนานวันเริ่มจะหาแรงงานจากคนหนุ่มสาวได้ยาก เพราะหนุ่มสาวส่วนใหญ่ผันตัวเองไปเป็นคนใช้แรงในเมืองอยู่กับโรงงานใช้เงินเลี้ยงชีพ จนเกิดภาวะหมู่บ้านร้าง เหลือเพียงเด็กและคนแก่ เฝ้าเรือน
ในยุควิทยุเคลื่อนที่นี้ สิ่งที่ปะปนไปกับเสียงเพลงลูกทุ่งในท้องนาคือ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากโรงงานอุตสาหกรรม มาเชิญชวนให้เห็นว่าชีวิตของคนท้องนาต้องมีปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องอุปโภคและบริโภค ในชีวิตประจำวันล้วนแล้วแต่จะต้องมีต้องใช้สิ่งที่ผลิตออกมาจากโรงงานทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้วิถีชีวิตของตนในชนบทจึงต้องใช้ทุนเพิ่มขึ้น ทุนในการดำเนินชีวิตประจำวันไปจึงถึงทุนในการผลิต โดยใช้เงินเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน เป้าหมายของการผลิตในไร่นาจึงเปลี่ยนจากการเก็บไว้กิน ไว้ใช้ เป็นผลิตไว้ขาย เพื่อให้ได้เงินไปแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภคจากโรงงานอุตสาหกรรมตามที่โรงงานต่างได้โฆษณาเชิญชวนไว้


ความสัมพันธ์ของการผลิตภาคเกษตรกรรมจึงเริ่มอยู่ภายใต้อิทธิพลของการผลิตภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่นั้นมา และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันเครื่องมือโฆษณาประชาสัมพันธ์ของอีกฝ่ายได้คลี่คลายขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถเข้าครอบครองพื้นที่การสื่อสารทางเดียวได้อย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อเครื่องโทรทัศน์ได้ไปสถิตย์อยู่ในทุกครัวเรือนของแรงงานภาคเกษตรกรรม
กระบวนการผลิตในภาคเกษตรกรรมได้จัดระบบการผลิตคล้ายกับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องมีทุน มีที่ดิน มีแรงงานคน มีเครื่องจักรกลและมีปัจจัยการผลิตที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ต้องใช้ปุ๋ย ใช้ยาฆ่าแมลง ใช้สารเคมีเร่งและเพิ่มผลผลิต เป้าหมายคือ ขายให้ได้เงินเร็วที่สุด ความสัมพันธ์ของคนในกระบวนการผลิตในไร่นาจึงเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันแรงงานในไร่นามีค่าจ้างเท่ากับกรรมกรในโรงงานแล้ว
ตะวันเคลื่อนเลยเพลไปเล็กน้อย คนงานสี่ห้าคนยังยืนเรียงรายรอบเครื่องเกี่ยว ไม่มีใครพูดจากับใครมีเพียงเสียงคนที่คุมเครื่องอยู่ข้างบนสั่งให้โยนฟ่อนข้าวลงเครื่องเป็นครั้งคราว เมล็ดข้าวจากฟางฟ่อนสุดท้ายใหลลงกระสอบป่าน ฝุ่นฟางฟูฟ่องฟุ้งไปในอากาศ เป็นการโบกมือลาภารกิจในฤดูกาลนี้ เข็มร้อยเชือกรัดปากถุงเลื้อยตามแรงมือคนงานจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่งจนปากถุงปิดสนิท เครื่องยนต์เงียบเสียงลง เป็นการสรุปจำนวนการขบเคี้ยวของฟันเฟือง นับได้สิบกระสอบป่านกับนาสิบกว่าไร่ เป้าหมายการขนถ่ายคือโรงสีในเมือง


ไอ้ทุย...ยังและเล็มหญ้าอยู่บนคันนาที่เดิม มันใช้อิสรภาพที่ผูกโยงด้วยเงื่อนไขของผู้ครอบครอง แต่เดิมนาผืนนี้ทั้งผืนมันได้ใช้แรงงานไถ หว่าน ปักดำ เก็บเกี่ยว ขึ้นลาน จนชักลากเข้าสู่ยุ้งฉาง ปัจจุบันมันเป็นเพียงข้าเก่าเต่าเลี้ยง ที่เจ้านายให้นิยามใหม่ มูลค่าของมันไม่ได้อยู่ที่การใช้แรงงานอีกต่อไป แต่อยู่ที่เนื้อหนังมังสาอันอ้วนพี

 ข่าวว่าไม่นาน เจ้านายจะนำมันไปขาย เพราะข้าวเพียงสิบกระสอบไม่พอเหลือไถ่ถอนนาที่จำนองไว้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น