วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ปั่นรถพับไปพบประชาคม (Cycling to The Forum)




“ไมค์เสีย กล้องไม่มา หมารบกวน”


            ตื่นเช้าวันอาทิตย์ผมมีภาระเพิ่มอีกหนึ่งรายการคือ การทำความสะอาดรถพับ (Folding Bike) รถพับหรือจักรยานพับ เป็นจักรยานที่ออกแบบมาเพื่อที่ว่า เมื่อไม่ได้ใช้งานก็สามารถเก็บพับได้ มีขนาดที่หลากหลายและมีขนาดเล็กกว่าจักรยานทั่วไป
ที่ผมนำมาทำความสะอาดเพราะเมื่อวานผมนำมันมาปั่นกลับบ้านแทนรถ  MERIDA  ซึ่งเป็นรถจักรยานเสือภูเขา (Mountain Bike) ที่ผมใช้ปั่นไปลุยนา เมื่อผมใช้มันตลุยไปถึงนาข้าว จอดเพียงแว๊บเดียว ล้อหลังเสียงดังฟรี่แบนแต๊ดแต๋ลงทันที รถพับซึ่งเป็นจักรยานที่บัดดี้ปั่นคู่ไปกับผมถูกนำมาใช้แทนดังว่า ส่วนบัดดี้กลับบ้านอย่างไร ผมฝากเค้าไปกับรถเจ้าของเครื่องเกี่ยวข้าวครับ


                       "MERIDA งอแง ต้องจับมัดขึ้นรถพ่วงไปเปลี่ยนยาง"

วันนี้เก้าโมงเช้าผมมีนัดกับประชาคมหมู่บ้าน (Forum) ที่บ้านบุตาวงษ์ หมู่ที่ 12 ตำบลหนองคู อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์  บ้านบุตาวงษ์เป็นหมู่บ้านที่อยู่บนถนนสาย 226 ลำปลายมาศ – บุรีรัมย์ ห่างจากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 28 กิโลเมตร เค้ามีการทำประชาคมที่ศาลากลางบ้าน


                             "ถนนหมายเลข 226 ลำปลายมาศ - บุรีรัมย์"

          
                    "เลยป้ายหมู่บ้านไปห้าร้อยเมตร ถึงปากทางเข้าหมู่ที่ 12"

การทำประชาคมคือ การรวมตัวของสมาชิกในชุมชนเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนด้วยตนเอง เช่นการแก้ปัญหาของชุมชน การกำหนดข้อตกลงร่วมกัน โดยกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีวัตถุประสงค์หรือสนใจในเรื่องเดียวกัน เป็นการรวมตัวกันตามสถานการณ์หรือสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น โดยไม่มีใครสั่ง สมาชิกที่มาร่วมกันคิด ร่วมกันตัดสินใจ ร่วมดำเนินการและร่วมรับผิดชอบอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันภายใต้ของเขตของกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคม ทำให้สมาชิกเกิดการเรียนรู้ด้วยกัน มีความรัก ความเอื้ออาทร ผูกพันต่อกันด้วยความรู้สึกสำนึกในความเป็นเจ้าของชุมชน
คำว่าประชาคมนี้ มีท่านผู้รู้หรือนักวิชาการบางท่านอาจเรียกว่า ประชาสังคมซึ่งก็อยู่ในความหมายคล้ายคลึงกัน
เรื่องที่ชาวบ้านบุตาวงษ์ หมู่ที่ 12 มาร่วมกันทำประชาคมในวันนี้คือ  การมารับฟังการรับรองสิทธิตามมาตรการเพิ่มรายได้ของผู้มีรายได้น้อยระดับตำบล ตามโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกครัวเรือน ตามพื้นที่ ๆ ปลูกข้าวจริงแต่ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ
ผมเป็นสมาชิกของชุมชนแห่งนี้ เพราะมีที่นาที่ปลูกข้าวจริงอยู่ที่หมู่ 12 หนึ่งแปลง บนถนนหมายเลข 226 ลำปลายมาศ – บุรีรัมย์ ห่างจากบ้านที่ผมอาศัยอยู่ประมาณ 7 กิโลเมตร จะต้องไปแสดงตนและลงชื่อขอคำรับรองจากประชาคมว่า เป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าวบนที่นาผืนนี้จริง
รถพับนำผมมุ่งหน้าไปตามถนนสี่เลน แดดเริ่มร้อนระอุ เหงื่อเริ่มผลิเม็ดเร็วกว่าปกติ ทั้งที่ผมออกตัวมาได้เพียงสามกิโลเมตร ใช่..มันสายกว่าที่เคยปั่นและเพราะหันหน้าท้าแสงตะวันที่สาดใส่ในมุมสี่สิบห้าองศาด้วย


                                           "ศาลาประชาคม หมู่ที่ 12"

ที่ศาลาประชาคม ชาวบ้านมารวมตัวกันตามนัดหมายตั้งแต่สองโมงเช้า ผมไปถึงที่นั่นราวสามโมงเศษ ผู้คนแน่ศาลาประชาคม เจ้าหน้าที่รับรองสิทธิอันประกอบด้วยนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายกอบต.) ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและสารวัตรกำนันตั้งโต๊ะรอการลงชื่อของชาวบ้านอยู่ด้านหน้าห้องประชุมอยู่แล้ว
“ไม่รู้รายละเอียดว่ามาอะไรยังไง รู้แต่เพียงว่าเกี่ยวกับเงินหมื่นห้าที่ชาวนาจะได้รับจากทางการ” นางเตียง บุญเศษ วัย 49 ปี ชาวนาผู้หนึ่งที่มาแสดงตนกล่าว
วัฒนธรรมการรับรู้ของชาวบ้าน มักรับรู้ได้ในเรื่องใกล้ตัวและเป็นรูปธรรม พวกเค้าใช้คำว่าทางการแทนหน่วยงานของรัฐบาลทุกระดับ และไม่ค่อยรับรู้รายละเอียดเชิงนามธรรม เช่น นโยบายต่าง ๆ มากมายนัก


                "ขาวมือคือนางหนูเตียง บุญเศษ เกษตรกรผู้มาร่วมประชาคม"

การรรวมตัวกันของชาวบ้านไม่มีโครงสร้างสลับซับซ้อน เป็นการรวมกลุ่มกันอย่างหลวม ๆไม่มีวาระการประชุม เมื่อการลงชื่อของสมาชิกเรียบร้อยแล้ว นายก อบต. ซึ่งงุ่นง่านอยู่กับการจัดเครื่องขยายเสียงและทดสอบเสียงไมโครโฟน ได้กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่า
“เอ้า...สวัสดีครับพี่น้องทั้งหลาย เพื่อยืนยันว่าทำนาจริงในปีนี้ ปีที่แล้วมีการทับซ้อนกัน ปีนี้ต้องมีการตรวจสอบ แต่ว่าตอนนี้รอกล้องถ่ายรูปก่อน”  นายก กล่าวถึงจุดประสงค์ของการประชาคม
“คืออย่างนี้...เมื่อมีงานใหญ่มันต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ ไมค์เสีย กล้องไม่มา หมารบกวน” นายกพูดให้เหตุผล เพื่อถ่วงเวลารอการมาของกล้องถ่ายรูป
“เมื่อปีที่แล้วมีเรื่องร้องเรียน ติกคุกแน่ คือ ลงชื่อซ้อนกันระหว่างเจ้าของนากับผู้เช่านา ต่างมาแสดงสิทธิในนาผืนเดียวกัน แถมคนรับรองสิทธิก็จะติดด้วย โทษทั้งจำทั้งปรับ” นายกยังพูดถ่วงเวลาต่อไป
“ผู้ใหญ่บ้านก็ติดด้วย ผมไม่อยากให้ติดเพราะเป็นเมียผม” นายกพูดติดตลก สมาชิกหัวเราะชอบใจลืมกล้องที่ยังไม่มา
“เอ้า..ไหนใครที่มีบ้านเรือนอยู่หมู่บ้านอื่น ออกมาทางนี้ มาให้ชาวบ้านดูแล้วยืนยันว่าได้มาทำนาในหมู่บ้านเราจริง” นายกสั่งการ
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเคลื่อนย้ายที่นั่งไปรวมกันด้านหน้า ตามที่นายก อบต. สั่ง
รวมทั้งผมด้วย
“เอ้า....กล้องมาแล้ว” เสียงชาวบ้านเล็ดรอดผ่านเข้ามายังที่ประชุม
“พร้อมแล้วนะครับ...ผมจะขอถามเป็นรวม ๆ ทีเดียวนะครับ” นายกสั่งเตรียมพร้อม
“ใครเห็นว่าคนทั้งหมดนี้...ทำนาในหมู่บ้านเราจริง ยกมือขึ้น” สิ้นเสียงนายก สมาชิกทุกคนในที่ประชุมยกมือกันสลอน
“เอ้า....ฝ่ายค้านว่าไงค้านมั้ย” นายก หันไปถามลุงเส็ง เที่ยงกล้า หัวหน้าฝ่ายค้านที่นั่งดูเชิงอยู่ด้านหลัง (ที่ประชุมเลือกให้เป็นฝ่ายค้านไว้คอยตรวจสอบ)
“ไม่มีครับ รับรอง” ลุงเส็ง ส่งเสียงดังรับรอง
“เอากล้องถ่ายรูปถ่ายไว้ด้วย อ้าว ๆ ๆ เป็นอันว่ารับรองนะครับ ขอบคุณครับ”


                "นายสุวรรณ ประเสริฐ นายก อบต. หนองคู ผู้นำประชาคม"


                                       "นายเส็ง เที่ยงกล้า ผู้นำฝ่ายค้าน"

กระบวนการประชาคมของชาวบ้านเป็นไปอย่างง่าย ๆ การรับรองไม่สลับซับซ้อน จริงใจ ใสซื่อ ชาวบ้านดำเนินชีวิตร่วมกันในชุมชน รู้เห็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน บอกได้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ มันมิใช่มาตรการทางกฎหมายแต่เป็นมาตรการทางศีลธรรม
ไม่มีใครกล้าขัดขืนความจริง


      "สมาชิกประชาคมยกมือลงมติรับรองสิทธิการเข้าทำนาในที่ดินของสมาชิก"

ผมอาจดูแปลกตาในกลุ่มชาวบ้าน แต่ทุกคนไม่แปลกใจ
ในนามของเกษตรกร เพื่อให้เกิดความมั่นใจและยืนยันด้วยหลักฐาน ผมจึงเตรียมสมุดทะเบียนเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปด้วย ในนั้นระบุถึงนายสุริยา เผือกพันธ์ รหัสทะเบียนเกษตรกร หมายเลข 311001-0316-1-1 สำนักงานเกษตรอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
หากมีใครคัดค้าน ผมต้องชูสมุดเล่มสีเขียวนี้อ้างอิงแน่
“เอ้า....มีใครไม่รู้จักอาจารย์สุริยา เผือกพันธ์บ้าง” นายกถามผ่านเครื่องขยาย
ทุกคนเงียบ !!!!!


                     "เกษตรกรคนนี้ นายก อบต. ประกาศรับรองด้วยตนเอง"

“ถ้าใครไม่รู้จักผมจะบอกให้ ผมรู้จักเพราะท่านเป็นอาจารย์สอนผมมา !!!!
นายกกล่าวจบได้ยื่นไมโครโฟน ให้กับผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นภรรยากล่าวปิดประชุม


       "นางจินตนา ประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้าน (นายก ตัวจริง... อิอิ) กล่าวปิดประชุม 
                            ..................................................................................................

ผมจับรถพับปั่นกลับบ้านตามเส้นทางเดิม ใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่อำเภอลำปลายมาศ เงาแดดกล้าบอกให้รู้ว่าเป็นเวลาใกล้เที่ยง หาอะไรทานดี ???


                       "ร้านส้มตำไก่ย่างรถแซ่บใกล้ห้างสรรพสินค้าใหญ่"

เส้นทางคู่ขนานทางรถไฟสายนี้ ถ้าปั่นเลยสถานีตำรวจไปทางห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งเดียวของลำปลายมาศ ก่อนถึงห้างดังกล่าวประมาณ 20 เมตร ทางฝั่งซ้ายมือจะมีร้านส้มตำไก่ย่างที่คนที่นี่ชอบทานอยู่ร้านหนึ่งอร่อยแซบไม่แพ้ที่ใด มื้อเที่ยงนี้ผมคงแวะทานข้าวเหนียวส้มตำแบบฉบับฟาสฟู๊ดอีสานนี้แหละ คงซี๊ดแซบทรวงแบบ.....

สบาย ๆ สไตล์ด็อกเตอร์ยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น