“ไมค์เสีย
กล้องไม่มา หมารบกวน”
ตื่นเช้าวันอาทิตย์ผมมีภาระเพิ่มอีกหนึ่งรายการคือ
การทำความสะอาดรถพับ (Folding Bike)
รถพับหรือจักรยานพับ เป็นจักรยานที่ออกแบบมาเพื่อที่ว่า
เมื่อไม่ได้ใช้งานก็สามารถเก็บพับได้ มีขนาดที่หลากหลายและมีขนาดเล็กกว่าจักรยานทั่วไป
ที่ผมนำมาทำความสะอาดเพราะเมื่อวานผมนำมันมาปั่นกลับบ้านแทนรถ MERIDA ซึ่งเป็นรถจักรยานเสือภูเขา (Mountain
Bike) ที่ผมใช้ปั่นไปลุยนา เมื่อผมใช้มันตลุยไปถึงนาข้าว
จอดเพียงแว๊บเดียว ล้อหลังเสียงดังฟรี่แบนแต๊ดแต๋ลงทันที รถพับซึ่งเป็นจักรยานที่บัดดี้ปั่นคู่ไปกับผมถูกนำมาใช้แทนดังว่า
ส่วนบัดดี้กลับบ้านอย่างไร ผมฝากเค้าไปกับรถเจ้าของเครื่องเกี่ยวข้าวครับ
"MERIDA งอแง ต้องจับมัดขึ้นรถพ่วงไปเปลี่ยนยาง"
วันนี้เก้าโมงเช้าผมมีนัดกับประชาคมหมู่บ้าน (Forum) ที่บ้านบุตาวงษ์ หมู่ที่ 12 ตำบลหนองคู
อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ บ้านบุตาวงษ์เป็นหมู่บ้านที่อยู่บนถนนสาย
226 ลำปลายมาศ – บุรีรัมย์ ห่างจากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ไปทางทิศตะวันตก
ประมาณ 28 กิโลเมตร เค้ามีการทำประชาคมที่ศาลากลางบ้าน
"ถนนหมายเลข 226 ลำปลายมาศ - บุรีรัมย์"
"เลยป้ายหมู่บ้านไปห้าร้อยเมตร ถึงปากทางเข้าหมู่ที่ 12"
การทำประชาคมคือ
การรวมตัวของสมาชิกในชุมชนเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนด้วยตนเอง
เช่นการแก้ปัญหาของชุมชน การกำหนดข้อตกลงร่วมกัน
โดยกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีวัตถุประสงค์หรือสนใจในเรื่องเดียวกัน
เป็นการรวมตัวกันตามสถานการณ์หรือสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น โดยไม่มีใครสั่ง
สมาชิกที่มาร่วมกันคิด ร่วมกันตัดสินใจ ร่วมดำเนินการและร่วมรับผิดชอบอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันภายใต้ของเขตของกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคม
ทำให้สมาชิกเกิดการเรียนรู้ด้วยกัน มีความรัก ความเอื้ออาทร
ผูกพันต่อกันด้วยความรู้สึกสำนึกในความเป็นเจ้าของชุมชน
คำว่าประชาคมนี้ มีท่านผู้รู้หรือนักวิชาการบางท่านอาจเรียกว่า
ประชาสังคมซึ่งก็อยู่ในความหมายคล้ายคลึงกัน
เรื่องที่ชาวบ้านบุตาวงษ์ หมู่ที่ 12 มาร่วมกันทำประชาคมในวันนี้คือ การมารับฟังการรับรองสิทธิตามมาตรการเพิ่มรายได้ของผู้มีรายได้น้อยระดับตำบล
ตามโครงการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกครัวเรือน ตามพื้นที่ ๆ
ปลูกข้าวจริงแต่ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ในอัตราไร่ละ 1,000
บาท
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ
ผมเป็นสมาชิกของชุมชนแห่งนี้
เพราะมีที่นาที่ปลูกข้าวจริงอยู่ที่หมู่ 12 หนึ่งแปลง
บนถนนหมายเลข 226 ลำปลายมาศ – บุรีรัมย์ ห่างจากบ้านที่ผมอาศัยอยู่ประมาณ
7 กิโลเมตร จะต้องไปแสดงตนและลงชื่อขอคำรับรองจากประชาคมว่า เป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าวบนที่นาผืนนี้จริง
รถพับนำผมมุ่งหน้าไปตามถนนสี่เลน แดดเริ่มร้อนระอุ
เหงื่อเริ่มผลิเม็ดเร็วกว่าปกติ ทั้งที่ผมออกตัวมาได้เพียงสามกิโลเมตร
ใช่..มันสายกว่าที่เคยปั่นและเพราะหันหน้าท้าแสงตะวันที่สาดใส่ในมุมสี่สิบห้าองศาด้วย
"ศาลาประชาคม หมู่ที่ 12"
ที่ศาลาประชาคม ชาวบ้านมารวมตัวกันตามนัดหมายตั้งแต่สองโมงเช้า
ผมไปถึงที่นั่นราวสามโมงเศษ ผู้คนแน่ศาลาประชาคม
เจ้าหน้าที่รับรองสิทธิอันประกอบด้วยนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายกอบต.)
ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและสารวัตรกำนันตั้งโต๊ะรอการลงชื่อของชาวบ้านอยู่ด้านหน้าห้องประชุมอยู่แล้ว
“ไม่รู้รายละเอียดว่ามาอะไรยังไง
รู้แต่เพียงว่าเกี่ยวกับเงินหมื่นห้าที่ชาวนาจะได้รับจากทางการ” นางเตียง บุญเศษ
วัย 49
ปี ชาวนาผู้หนึ่งที่มาแสดงตนกล่าว
วัฒนธรรมการรับรู้ของชาวบ้าน
มักรับรู้ได้ในเรื่องใกล้ตัวและเป็นรูปธรรม พวกเค้าใช้คำว่าทางการแทนหน่วยงานของรัฐบาลทุกระดับ
และไม่ค่อยรับรู้รายละเอียดเชิงนามธรรม เช่น นโยบายต่าง ๆ มากมายนัก
"ขาวมือคือนางหนูเตียง บุญเศษ เกษตรกรผู้มาร่วมประชาคม"
การรรวมตัวกันของชาวบ้านไม่มีโครงสร้างสลับซับซ้อน
เป็นการรวมกลุ่มกันอย่างหลวม ๆไม่มีวาระการประชุม
เมื่อการลงชื่อของสมาชิกเรียบร้อยแล้ว นายก อบต.
ซึ่งงุ่นง่านอยู่กับการจัดเครื่องขยายเสียงและทดสอบเสียงไมโครโฟน
ได้กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่า
“เอ้า...สวัสดีครับพี่น้องทั้งหลาย
เพื่อยืนยันว่าทำนาจริงในปีนี้ ปีที่แล้วมีการทับซ้อนกัน ปีนี้ต้องมีการตรวจสอบ
แต่ว่าตอนนี้รอกล้องถ่ายรูปก่อน” นายก
กล่าวถึงจุดประสงค์ของการประชาคม
“คืออย่างนี้...เมื่อมีงานใหญ่มันต้องเกิดเรื่องอย่างนี้
ไมค์เสีย กล้องไม่มา หมารบกวน” นายกพูดให้เหตุผล
เพื่อถ่วงเวลารอการมาของกล้องถ่ายรูป
“เมื่อปีที่แล้วมีเรื่องร้องเรียน ติกคุกแน่
คือ ลงชื่อซ้อนกันระหว่างเจ้าของนากับผู้เช่านา ต่างมาแสดงสิทธิในนาผืนเดียวกัน
แถมคนรับรองสิทธิก็จะติดด้วย โทษทั้งจำทั้งปรับ” นายกยังพูดถ่วงเวลาต่อไป
“ผู้ใหญ่บ้านก็ติดด้วย
ผมไม่อยากให้ติดเพราะเป็นเมียผม” นายกพูดติดตลก
สมาชิกหัวเราะชอบใจลืมกล้องที่ยังไม่มา
“เอ้า..ไหนใครที่มีบ้านเรือนอยู่หมู่บ้านอื่น
ออกมาทางนี้ มาให้ชาวบ้านดูแล้วยืนยันว่าได้มาทำนาในหมู่บ้านเราจริง” นายกสั่งการ
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเคลื่อนย้ายที่นั่งไปรวมกันด้านหน้า
ตามที่นายก อบต. สั่ง
รวมทั้งผมด้วย
“เอ้า....กล้องมาแล้ว”
เสียงชาวบ้านเล็ดรอดผ่านเข้ามายังที่ประชุม
“พร้อมแล้วนะครับ...ผมจะขอถามเป็นรวม ๆ
ทีเดียวนะครับ” นายกสั่งเตรียมพร้อม
“ใครเห็นว่าคนทั้งหมดนี้...ทำนาในหมู่บ้านเราจริง
ยกมือขึ้น” สิ้นเสียงนายก สมาชิกทุกคนในที่ประชุมยกมือกันสลอน
“เอ้า....ฝ่ายค้านว่าไงค้านมั้ย” นายก
หันไปถามลุงเส็ง เที่ยงกล้า หัวหน้าฝ่ายค้านที่นั่งดูเชิงอยู่ด้านหลัง
(ที่ประชุมเลือกให้เป็นฝ่ายค้านไว้คอยตรวจสอบ)
“ไม่มีครับ รับรอง” ลุงเส็ง ส่งเสียงดังรับรอง
“เอากล้องถ่ายรูปถ่ายไว้ด้วย อ้าว ๆ ๆ
เป็นอันว่ารับรองนะครับ ขอบคุณครับ”
"นายสุวรรณ ประเสริฐ นายก อบต. หนองคู ผู้นำประชาคม"
"นายเส็ง เที่ยงกล้า ผู้นำฝ่ายค้าน"
กระบวนการประชาคมของชาวบ้านเป็นไปอย่างง่าย ๆ
การรับรองไม่สลับซับซ้อน จริงใจ ใสซื่อ ชาวบ้านดำเนินชีวิตร่วมกันในชุมชน
รู้เห็นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน บอกได้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ
มันมิใช่มาตรการทางกฎหมายแต่เป็นมาตรการทางศีลธรรม
ไม่มีใครกล้าขัดขืนความจริง
"สมาชิกประชาคมยกมือลงมติรับรองสิทธิการเข้าทำนาในที่ดินของสมาชิก"
ผมอาจดูแปลกตาในกลุ่มชาวบ้าน
แต่ทุกคนไม่แปลกใจ
ในนามของเกษตรกร เพื่อให้เกิดความมั่นใจและยืนยันด้วยหลักฐาน
ผมจึงเตรียมสมุดทะเบียนเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปด้วย
ในนั้นระบุถึงนายสุริยา เผือกพันธ์ รหัสทะเบียนเกษตรกร หมายเลข 311001-0316-1-1
สำนักงานเกษตรอำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์
หากมีใครคัดค้าน
ผมต้องชูสมุดเล่มสีเขียวนี้อ้างอิงแน่
“เอ้า....มีใครไม่รู้จักอาจารย์สุริยา
เผือกพันธ์บ้าง” นายกถามผ่านเครื่องขยาย
ทุกคนเงียบ !!!!!
"เกษตรกรคนนี้ นายก อบต. ประกาศรับรองด้วยตนเอง"
“ถ้าใครไม่รู้จักผมจะบอกให้
ผมรู้จักเพราะท่านเป็นอาจารย์สอนผมมา !!!! ”
นายกกล่าวจบได้ยื่นไมโครโฟน
ให้กับผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นภรรยากล่าวปิดประชุม
"นางจินตนา ประเสริฐ ผู้ใหญ่บ้าน (นายก ตัวจริง... อิอิ) กล่าวปิดประชุม
..................................................................................................
ผมจับรถพับปั่นกลับบ้านตามเส้นทางเดิม
ใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่อำเภอลำปลายมาศ เงาแดดกล้าบอกให้รู้ว่าเป็นเวลาใกล้เที่ยง หาอะไรทานดี
???
"ร้านส้มตำไก่ย่างรถแซ่บใกล้ห้างสรรพสินค้าใหญ่"
เส้นทางคู่ขนานทางรถไฟสายนี้ ถ้าปั่นเลยสถานีตำรวจไปทางห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งเดียวของลำปลายมาศ
ก่อนถึงห้างดังกล่าวประมาณ 20 เมตร
ทางฝั่งซ้ายมือจะมีร้านส้มตำไก่ย่างที่คนที่นี่ชอบทานอยู่ร้านหนึ่งอร่อยแซบไม่แพ้ที่ใด
มื้อเที่ยงนี้ผมคงแวะทานข้าวเหนียวส้มตำแบบฉบับฟาสฟู๊ดอีสานนี้แหละ
คงซี๊ดแซบทรวงแบบ.....
สบาย ๆ สไตล์ด็อกเตอร์ยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น