ช่วงปิดภาคเรียนเดือนตุลาคม
ผมตัดสินใจใช้เวลาที่มีอยู่ในช่วงสั้น ๆ พับรถพับ (Folding Bikes) 2 คันใส่ท้ายรถเก๋งออกเดินทางจากบ้านพัก มุ่งหน้าไปสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
24 อุบลราชธานี-สีคิ้ว ที่พาดผ่านอำเภอนางรอง ถึงทางสี่แยกนางรอง
ผมหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวขวา ลัดเลาะไปทางอำเภอหนองกี่ หนองบุญมาก โชคชัย
จนถึงแยกอำเภอปักธงชัยแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี เป้าหมายคือ การละงานไปพักผ่อนที่วังน้ำเขียว
วังน้ำเขียว
เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา มีขนาดพื้นที่ 1,129,996 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 43,089 คน
จำนวนบ้านเรือน 16,570 หลังคาเรือน (ธันวาคม 2555)
วังน้ำเขียวได้ชื่อว่า
เป็นเมืองที่มีโอโซนติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก จนมีสมญานามว่า “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน”
มีคำขวัญประจำเมืองว่า “วังน้ำเขียวเมืองหนาว
ภูเขามากมาย น้ำตกหลากหลาย ผลไม้นานาพันธุ์ แดนสวรรค์เมืองในหมอก”
ขันรถผ่านแยกปักธงชัยไปได้ไม่ไกล ท้องเริ่มหิวเพราะเป็นเวลาใกล้เที่ยง
จึงนึกถึงร้านที่เคยแวะพักรับประทานอาหารกลางวันซึ่งมีที่เดียวคือ ปั้มน้ำมัน ปตท.
ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือก่อนเข้าอำเภอปักธงชัย ก่อนหน้านั้นไม่นานผมเคยแวะมารับประทานข้าวเที่ยงในเวลาเดียวกันนี้
มีผู้คนที่เดินทางไปถึงในเวลาเดียวกันคึกคักจนร้านอาหารแน่นขนัด
ผมเลี้ยวรถเข้าสู่ปั๊ม ปตท.
เลยไปทางด้านหลังที่เป็นร้านอาหาร ที่จอดรถว่างจนดูแปลกตาไปกว่าครั้งก่อนหน้านี้
มองไปยังร้านอาหาร พบว่าลดจำนวนลงไปกว่าครึ่ง ผู้คนในร้านมีไม่มาก จึงดูหงอย ๆ อย่างไรพิกลผมเข้าไปสั่งอาหารแบบจานเดียวไม่ต้องรอนานและไม่ต้องแลกคูปอง
สั่งปุ๊บได้ปั๊บเลย เวลาที่ใช้รับประทานอาหารมื้อนั้นจึงใช้ไม่มาก
เมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงเวลาพักผ่อนเช่นนี้
เรามักได้ข่าวคราวของผู้คนหลั่งใหลไปวังน้ำเขียวจนยวดยานบนถนนสายนี้ติดหนึบ
ทั้งนี้ วังน้ำเขียวได้รับการโปรโมทให้เป็นเมืองท่องเที่ยว มีสถานที่เที่ยวสำคัญ ๆ
หลายแห่งเช่น น้ำตกม่านฟ้า จิบกาแฟร้าน a cup of love ชมกระทิงเขาแผงม้า สวนสุชาดา
สวนเบญจมาศผู้ใหญ่สมประสงค์ วิลเลจฟาร์มแอนด์ไวน์เนอรี่ วังน้ำเขียวฟาร์ม
สวนลุงไกรและผาเก็บตะวัน
บ่อยครั้งที่ผมไปราชการที่นั่น
ได้ใช้รีสอร์ทเป็นสถานที่พักปฏิบัติราชการ ซึ่งรีสอร์ทดังกล่าวมีจำนวนมาก
แต่ละแห่งที่ล้วนแล้วแต่น่าพักอาศัยทั้งสิ้น ราคาค่าที่พักก็แตกต่างกันไปแล้วแต่จะเลือกพักตามอัธยาศัย
ร้านอาหาการกินก็มีให้เลือกแล้วแต่เราสะดวก
เดินทางไปคราวนี้
ก็มีแผนจะพักที่รีสอร์ทแห่งใดแห่งหนึ่ง การท่องเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ
ก็จะใช้รถพักเป็นพาหนะ
ผมออกจากเขตอำเภอปักธงชัยไปได้ไม่นานก็ล่วงถึงเขตอำเภอวังน้ำเขียว
เมื่อเข้าสู่ตัวอำเภอถนนหมายเลข 304 โล่งตลอด
มองไปสองข้างทาง ดูเงียบเหงา เปลวแดดยามบ่ายดูระยิบ
ผมขับรถเลยไปถึงเขตที่เป็นย่านชุมชนที่เคยมีนักท่องเที่ยวหนาตา
แต่สำหรับวันนี้ดูเป็นตลาดธรรมดา ๆ เหมือนเมืองอื่น ๆ ในชนบท ผมจอดรถดูลาดเลาว่า
จะเข้าไปหาที่พักที่ไหนดี ในที่สุดก็ตัดสินใจวกกลับไปที่ตำบลไทยสามัคคี เพราะเป็นย่านแหล่งท่องเที่ยวที่มีที่พัก
ร้านอาหาร และภูมิทัศน์สวยงามมากที่สุดในวังน้ำเขียว
และตัดสินใจแวะพักในรีสอร์ทใกล้ปากซอยไทยสามัคคีนั่นเอง
"รีสอร์ทที่ใช้เป็นสถานที่พักในทริปนี้"
แดดยามบ่ายแก่ ๆ ยังร้อนระอุ
แผนการที่เคยวางไว้ว่าจะใช้รถพักปั่นท่องแดนคงต้องพับต่อไป เพราะร้อนเกินไป อีกทั้งถนนลาดชันยากแก่การใช้รถพับให้พาไปถึงจุดหมายได้
ดังนั้นจึงใช้รถเก๋งขับไปให้สุดทางของถนนสายนี้ นั่นคือ ผาเก็บตะวัน
ลึกเข้าไปบนถนนในเขตตำบลไทยสามัคคี
สองข้างทางยังมีแมกไม้เขียวขจี ทั้งที่เป็นพืชไร่และป่าไม้
แต่ที่เป็นภาพแปลกตาไปมาก ๆ คือ อาคารบ้านเรือนที่เป็นร้านอาหาร ที่พัก รีสอร์ทได้ถูกทิ้งร้างไว้ ไม่มีการใช้สอย
ลักษณะเช่นนี้มีปรากฏอยู่สองข้างทางตลอดแนวไปจนถึง ผาเก็บตะวัน
"จุดชมวิวผาเก็บตะวัน"
ผาเก็บตะวันดูเหงาหงอยเหมือนที่อื่น ๆ
มีคนท่องเที่ยวอยู่ก่อนหน้าที่ผมจะไปถึงไม่กี่คน ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามของวังน้ำเขียว
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลาน บนเขาสันกำแพง
ด้านล่างเป็นผืนป่าดงดิบ มีกิจกรรมการปลูกป่ามะค่าโมงด้วยหนังสติ๊กกับไม้ก๊อฟ
เพื่อให้เมล็ดมะค่าโมงลอยไปตกยังผืนป่าด้านล่าง
ผมยืนอยู่บนจุดชมตะวัน ซึ่งขณะนี้แดดยังแผดแสงกล้า
ทำได้เพียงแต่มองลงไปยังผืนป่าด้านล่างที่ดูเวิ้งว้างไกลสุดตา
ไม่ได้ทำกิจกรรมยิงหนังสติ๊กแต่กดแช็ทเตอร์ได้ภาพไว้เป็นที่ระลึก
หลังจากนั้นจึงวกกลับออกไปในเขตชุมชนไทยสามัคคี เพื่อแวะสวนลุงไกร
"อาคารที่พักที่ถูกทิ้งร้างมีให้เห็นทั่วไป"
สวนลุงไกร
กล่าวกันว่าเป็นแหล่งปลูกผักเมืองหนาวปลอดสารพิษ ที่โด่งดังของวังน้ำเขียว
บนพื้นที่ 15 ไร่มีแปลงผักทอดตัวยาวปลูกสลับกันหลากหลายพันธุ์ทั้ง
คอส บัตเตอร์เฮ็ด เรดโอ๊ก กรีนโอ๊ก เรดลีฟ
ผักกาดแก้ว มะเขือเทศ กะหล่ำปลีสีม่วง เบบี้แครอท เป็นต้น ลุงน้อย
ชมไกรเจ้าของสวนจะเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับการเพาะปลูกผักปลอดสารพิษและโชว์ลูกคอและฝีมือการเล่นกีตาร์คันทรี
สร้างความสนุกสนานให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ขับรถลงมาจากผาเก็บตะวัน
แวะลงทางแยกฝั่งขวามือเมื่อมาถึงชุมชนไทยสามัคคี เพียงห้าร้อยเมตรก็ถึงสวนลุงไกร บริเวณรอบ
ๆ สวนลุงไกรไม่ต่างไปจากสภาพทั่ว ๆ ไปที่พบเห็นมาแล้ว คือดูเงียบเหงา
ไร้ผู้คนภายในร้านขายของจำหน่ายพืชผักและของที่ระลึก
มีเพียงพ่อค้าแม่ค้าสองสามรายนั่งตบยุงอยู่ตามลำพัง
ลุงไกรทำงานง่วนอยู่ด้านหลังโรงเรือน ในมือลุงไกรไม่ได้กุมคอกีตาร์ร้องเพลงคันทรี แต่กลับเป็นการจับด้ามจอบเตรียมปุ๋ยเตรียมดินปลูกพืชผักในแปลงแทน
ไม่แปลกหรอกที่เห็นภาพลุงไกรเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นงานอาชีพของลุงไกร
แต่ที่แปลกคือ เสียงกีตาร์ที่ขาดหายไปต่างหาก
"การทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในวังน้ำเขียว"
กลับเข้ามารีสอร์ทเกือบพลบค่ำ
อาหารเย็นมื้อนี้คงเป็นร้านปากซอย ซึ่งมีเหลืออยู่เพียงร้านเดียวที่พอรับคนจรได้ ผมเพิ่งได้ปั่นรถพับ
ด้านหน้าของร้านเป็นแผงลอยขายพืชผักผลไม้แก่นักท่องเที่ยว ที่ดูจะเป็นความพยายามของชาวบ้านแถบนั้นที่พยายามจะยืนหยัดการดำเนินชีวิตให้ยั่งยืนต่อไปให้ได้
ผมสั่งอาหารประเภทเห็ดมารับประทานสองสามอย่างสำหรับคนสองคน
เพียงสองทุ่มก็ดูจะดึกเพียงพอแก่การปิดร้านแล้ว ผมจึงจับรถพับกลับเข้ารีสอร์ทแต่หัวค่ำ
วังน้ำเขียวในยามนี้ มืด เงียบ สงัด
เป็นเหมือนดั่งชุมชนที่ซ่อนตัวในม่านรัตติกาล บรรยากาศเช่นนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผมที่ต้องการความสงบเย็นในธรรมชาติที่แท้
แม้ว่าจะมีซากปรักหักพังของความอยากได้ใคร่มีของผู้คนหลงเหลืออยู่บ้าง แต่มันกลับเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ที่เตือนสติของเราให้เห็นความจริงว่า
คนและธรรมชาติคือสิ่งเดียวกันที่ต้องอยู่ร่วมแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน
"แรงงานจากพระตะบองกัมพูชามีให้เห็นในรีสอร์ท"
รุ่งขึ้นอีกวัน
ไม่เพียงแต่ผมจะย้อนรอยกลับทางเดิม แต่ผมได้ย้อนรอยเรื่องราวของความเป็นไปของ สวิสเซอร์แลนด์แดนอีสานพบ่วา
ส.ป.ก. เดินหน้าตรวจสอบที่ดิน (วังน้ำเขียว) แล้ว 572 ราย
จากทั้งหมด 6,412รายพบว่า
ใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์เกือบครึ่ง พื้นที่รวมจำนวน 139,300 ไร่ พบว่า 40 % ถูกเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมและใช้ประโยชน์ในที่ดินผิดวัตถุประสงค์
ส่วนอีก 60 % เกษตรกรยังใช้ที่ดินทำการเกษตรเป็นไปตามวัตถุประสงค์
นอกจากนี้ยังพบว่า มีรีสอร์ท 21 แห่ง ตั้งอยู่ในที่ ส.ป.ก.
ด้วย
หลังกรณีพิพาทเรื่องการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานและเขตป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่
ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 90 % (คอมชัดลึกออนไลน์ 15
สิงหาคม 2554)
เพียงหนึ่งวันที่สงบสงัดก็เพียงพอสำหรับผมที่จะกลับไปสู้งานต่อ
แต่สำหรับวังน้ำเขียวแล้วคงต้องใช้เวลาอีกนาน นานกว่าเวลาที่ใช้จนเติบโตเป็นวังน้ำเขียวจึงจะเรียกคืนความเป็นธรรมชาติกลับคืนมาได้ดังเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น