วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พับรถไปพักรบ : Rested by Folding Bikes


            ช่วงปิดภาคเรียนเดือนตุลาคม ผมตัดสินใจใช้เวลาที่มีอยู่ในช่วงสั้น ๆ พับรถพับ (Folding Bikes) 2 คันใส่ท้ายรถเก๋งออกเดินทางจากบ้านพัก มุ่งหน้าไปสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 อุบลราชธานี-สีคิ้ว ที่พาดผ่านอำเภอนางรอง ถึงทางสี่แยกนางรอง ผมหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวขวา ลัดเลาะไปทางอำเภอหนองกี่ หนองบุญมาก โชคชัย จนถึงแยกอำเภอปักธงชัยแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี เป้าหมายคือ การละงานไปพักผ่อนที่วังน้ำเขียว
                วังน้ำเขียว เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา มีขนาดพื้นที่ 1,129,996 ตารางกิโลเมตร จำนวนประชากร 43,089 คน จำนวนบ้านเรือน 16,570 หลังคาเรือน (ธันวาคม 2555)
                วังน้ำเขียวได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่มีโอโซนติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก จนมีสมญานามว่า “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน”  
มีคำขวัญประจำเมืองว่า “วังน้ำเขียวเมืองหนาว ภูเขามากมาย น้ำตกหลากหลาย ผลไม้นานาพันธุ์ แดนสวรรค์เมืองในหมอก”
ขันรถผ่านแยกปักธงชัยไปได้ไม่ไกล ท้องเริ่มหิวเพราะเป็นเวลาใกล้เที่ยง จึงนึกถึงร้านที่เคยแวะพักรับประทานอาหารกลางวันซึ่งมีที่เดียวคือ ปั้มน้ำมัน ปตท. ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือก่อนเข้าอำเภอปักธงชัย ก่อนหน้านั้นไม่นานผมเคยแวะมารับประทานข้าวเที่ยงในเวลาเดียวกันนี้ มีผู้คนที่เดินทางไปถึงในเวลาเดียวกันคึกคักจนร้านอาหารแน่นขนัด
ผมเลี้ยวรถเข้าสู่ปั๊ม ปตท. เลยไปทางด้านหลังที่เป็นร้านอาหาร ที่จอดรถว่างจนดูแปลกตาไปกว่าครั้งก่อนหน้านี้ มองไปยังร้านอาหาร พบว่าลดจำนวนลงไปกว่าครึ่ง ผู้คนในร้านมีไม่มาก จึงดูหงอย ๆ อย่างไรพิกลผมเข้าไปสั่งอาหารแบบจานเดียวไม่ต้องรอนานและไม่ต้องแลกคูปอง สั่งปุ๊บได้ปั๊บเลย เวลาที่ใช้รับประทานอาหารมื้อนั้นจึงใช้ไม่มาก
เมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงเวลาพักผ่อนเช่นนี้ เรามักได้ข่าวคราวของผู้คนหลั่งใหลไปวังน้ำเขียวจนยวดยานบนถนนสายนี้ติดหนึบ ทั้งนี้ วังน้ำเขียวได้รับการโปรโมทให้เป็นเมืองท่องเที่ยว มีสถานที่เที่ยวสำคัญ ๆ หลายแห่งเช่น น้ำตกม่านฟ้า จิบกาแฟร้าน a cup of love  ชมกระทิงเขาแผงม้า สวนสุชาดา สวนเบญจมาศผู้ใหญ่สมประสงค์ วิลเลจฟาร์มแอนด์ไวน์เนอรี่ วังน้ำเขียวฟาร์ม สวนลุงไกรและผาเก็บตะวัน
บ่อยครั้งที่ผมไปราชการที่นั่น ได้ใช้รีสอร์ทเป็นสถานที่พักปฏิบัติราชการ ซึ่งรีสอร์ทดังกล่าวมีจำนวนมาก แต่ละแห่งที่ล้วนแล้วแต่น่าพักอาศัยทั้งสิ้น ราคาค่าที่พักก็แตกต่างกันไปแล้วแต่จะเลือกพักตามอัธยาศัย ร้านอาหาการกินก็มีให้เลือกแล้วแต่เราสะดวก
เดินทางไปคราวนี้ ก็มีแผนจะพักที่รีสอร์ทแห่งใดแห่งหนึ่ง การท่องเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ก็จะใช้รถพักเป็นพาหนะ
ผมออกจากเขตอำเภอปักธงชัยไปได้ไม่นานก็ล่วงถึงเขตอำเภอวังน้ำเขียว เมื่อเข้าสู่ตัวอำเภอถนนหมายเลข 304 โล่งตลอด มองไปสองข้างทาง ดูเงียบเหงา เปลวแดดยามบ่ายดูระยิบ ผมขับรถเลยไปถึงเขตที่เป็นย่านชุมชนที่เคยมีนักท่องเที่ยวหนาตา แต่สำหรับวันนี้ดูเป็นตลาดธรรมดา ๆ เหมือนเมืองอื่น ๆ ในชนบท ผมจอดรถดูลาดเลาว่า จะเข้าไปหาที่พักที่ไหนดี ในที่สุดก็ตัดสินใจวกกลับไปที่ตำบลไทยสามัคคี เพราะเป็นย่านแหล่งท่องเที่ยวที่มีที่พัก ร้านอาหาร และภูมิทัศน์สวยงามมากที่สุดในวังน้ำเขียว และตัดสินใจแวะพักในรีสอร์ทใกล้ปากซอยไทยสามัคคีนั่นเอง


                               "รีสอร์ทที่ใช้เป็นสถานที่พักในทริปนี้"

แดดยามบ่ายแก่ ๆ ยังร้อนระอุ แผนการที่เคยวางไว้ว่าจะใช้รถพักปั่นท่องแดนคงต้องพับต่อไป เพราะร้อนเกินไป อีกทั้งถนนลาดชันยากแก่การใช้รถพับให้พาไปถึงจุดหมายได้ ดังนั้นจึงใช้รถเก๋งขับไปให้สุดทางของถนนสายนี้ นั่นคือ ผาเก็บตะวัน
ลึกเข้าไปบนถนนในเขตตำบลไทยสามัคคี สองข้างทางยังมีแมกไม้เขียวขจี ทั้งที่เป็นพืชไร่และป่าไม้ แต่ที่เป็นภาพแปลกตาไปมาก ๆ คือ อาคารบ้านเรือนที่เป็นร้านอาหาร ที่พัก  รีสอร์ทได้ถูกทิ้งร้างไว้ ไม่มีการใช้สอย ลักษณะเช่นนี้มีปรากฏอยู่สองข้างทางตลอดแนวไปจนถึง ผาเก็บตะวัน


                                             "จุดชมวิวผาเก็บตะวัน"

ผาเก็บตะวันดูเหงาหงอยเหมือนที่อื่น ๆ มีคนท่องเที่ยวอยู่ก่อนหน้าที่ผมจะไปถึงไม่กี่คน ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามของวังน้ำเขียว ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทับลาน บนเขาสันกำแพง ด้านล่างเป็นผืนป่าดงดิบ มีกิจกรรมการปลูกป่ามะค่าโมงด้วยหนังสติ๊กกับไม้ก๊อฟ เพื่อให้เมล็ดมะค่าโมงลอยไปตกยังผืนป่าด้านล่าง
ผมยืนอยู่บนจุดชมตะวัน ซึ่งขณะนี้แดดยังแผดแสงกล้า ทำได้เพียงแต่มองลงไปยังผืนป่าด้านล่างที่ดูเวิ้งว้างไกลสุดตา ไม่ได้ทำกิจกรรมยิงหนังสติ๊กแต่กดแช็ทเตอร์ได้ภาพไว้เป็นที่ระลึก หลังจากนั้นจึงวกกลับออกไปในเขตชุมชนไทยสามัคคี เพื่อแวะสวนลุงไกร


                              "อาคารที่พักที่ถูกทิ้งร้างมีให้เห็นทั่วไป"

สวนลุงไกร กล่าวกันว่าเป็นแหล่งปลูกผักเมืองหนาวปลอดสารพิษ ที่โด่งดังของวังน้ำเขียว บนพื้นที่ 15 ไร่มีแปลงผักทอดตัวยาวปลูกสลับกันหลากหลายพันธุ์ทั้ง คอส บัตเตอร์เฮ็ด เรดโอ๊ก กรีนโอ๊ก  เรดลีฟ ผักกาดแก้ว มะเขือเทศ กะหล่ำปลีสีม่วง เบบี้แครอท เป็นต้น ลุงน้อย ชมไกรเจ้าของสวนจะเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับการเพาะปลูกผักปลอดสารพิษและโชว์ลูกคอและฝีมือการเล่นกีตาร์คันทรี สร้างความสนุกสนานให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ขับรถลงมาจากผาเก็บตะวัน แวะลงทางแยกฝั่งขวามือเมื่อมาถึงชุมชนไทยสามัคคี เพียงห้าร้อยเมตรก็ถึงสวนลุงไกร บริเวณรอบ ๆ สวนลุงไกรไม่ต่างไปจากสภาพทั่ว ๆ ไปที่พบเห็นมาแล้ว คือดูเงียบเหงา ไร้ผู้คนภายในร้านขายของจำหน่ายพืชผักและของที่ระลึก มีเพียงพ่อค้าแม่ค้าสองสามรายนั่งตบยุงอยู่ตามลำพัง ลุงไกรทำงานง่วนอยู่ด้านหลังโรงเรือน ในมือลุงไกรไม่ได้กุมคอกีตาร์ร้องเพลงคันทรี แต่กลับเป็นการจับด้ามจอบเตรียมปุ๋ยเตรียมดินปลูกพืชผักในแปลงแทน ไม่แปลกหรอกที่เห็นภาพลุงไกรเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นงานอาชีพของลุงไกร แต่ที่แปลกคือ เสียงกีตาร์ที่ขาดหายไปต่างหาก


                           "การทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในวังน้ำเขียว"

กลับเข้ามารีสอร์ทเกือบพลบค่ำ อาหารเย็นมื้อนี้คงเป็นร้านปากซอย ซึ่งมีเหลืออยู่เพียงร้านเดียวที่พอรับคนจรได้ ผมเพิ่งได้ปั่นรถพับ ด้านหน้าของร้านเป็นแผงลอยขายพืชผักผลไม้แก่นักท่องเที่ยว ที่ดูจะเป็นความพยายามของชาวบ้านแถบนั้นที่พยายามจะยืนหยัดการดำเนินชีวิตให้ยั่งยืนต่อไปให้ได้ ผมสั่งอาหารประเภทเห็ดมารับประทานสองสามอย่างสำหรับคนสองคน เพียงสองทุ่มก็ดูจะดึกเพียงพอแก่การปิดร้านแล้ว ผมจึงจับรถพับกลับเข้ารีสอร์ทแต่หัวค่ำ
วังน้ำเขียวในยามนี้ มืด เงียบ สงัด เป็นเหมือนดั่งชุมชนที่ซ่อนตัวในม่านรัตติกาล บรรยากาศเช่นนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผมที่ต้องการความสงบเย็นในธรรมชาติที่แท้ แม้ว่าจะมีซากปรักหักพังของความอยากได้ใคร่มีของผู้คนหลงเหลืออยู่บ้าง แต่มันกลับเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ที่เตือนสติของเราให้เห็นความจริงว่า คนและธรรมชาติคือสิ่งเดียวกันที่ต้องอยู่ร่วมแบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน


                       "แรงงานจากพระตะบองกัมพูชามีให้เห็นในรีสอร์ท"

รุ่งขึ้นอีกวัน ไม่เพียงแต่ผมจะย้อนรอยกลับทางเดิม แต่ผมได้ย้อนรอยเรื่องราวของความเป็นไปของ สวิสเซอร์แลนด์แดนอีสานพบ่วา ส.ป.ก. เดินหน้าตรวจสอบที่ดิน (วังน้ำเขียว) แล้ว 572 ราย จากทั้งหมด 6,412รายพบว่า ใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์เกือบครึ่ง พื้นที่รวมจำนวน 139,300 ไร่ พบว่า 40 % ถูกเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมและใช้ประโยชน์ในที่ดินผิดวัตถุประสงค์ ส่วนอีก 60 % เกษตรกรยังใช้ที่ดินทำการเกษตรเป็นไปตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังพบว่า มีรีสอร์ท 21 แห่ง ตั้งอยู่ในที่ ส.ป.ก. ด้วย หลังกรณีพิพาทเรื่องการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานและเขตป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ ทำให้ยอดนักท่องเที่ยวหายไปกว่า 90 % (คอมชัดลึกออนไลน์ 15 สิงหาคม 2554)
เพียงหนึ่งวันที่สงบสงัดก็เพียงพอสำหรับผมที่จะกลับไปสู้งานต่อ แต่สำหรับวังน้ำเขียวแล้วคงต้องใช้เวลาอีกนาน นานกว่าเวลาที่ใช้จนเติบโตเป็นวังน้ำเขียวจึงจะเรียกคืนความเป็นธรรมชาติกลับคืนมาได้ดังเดิม





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น