วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559

นิยามแห่งการเดินทาง: คุณค่าที่ได้โดยไม่ต้องจ่าย

                                                                         
                                                                                                       
                                                                                    สุริยา เผือกพันธ์ : เขียน

                การเตรียมการก่อนการเดินทางไปพักผ่อนประจำปีของพวกเราในครอบครัว ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้เป็นแรมเดือนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเคลียร์งาน การกำหนดวัน กำหนดสถานที่ การจองที่พักและแม้กระทั่งยานพาหนะ ได้ผ่านการตรวจเช็คเครื่องยนต์ หม้อน้้ำ แบตเตอรรี่และลมยาง มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนการเดินทางหนึ่งวัน แต่กระนั้นก็ยังมีสิ่งนี้เกิดขึ้น !!!!!!!!

                พวกเราออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ (1 เมษายน 2559) เพราะนอกจากอากาศจะเย็นสบาย ถนนหนทางไม่แออัดด้วยยวดยานแล้ว ยังทำให้เรามีเวลาเตร็ดเตร่ในช่วงบ่ายของวันอีกด้วย

                เวลาประมาณเที่ยงวัน เราได้เช็คอิน (Check in) ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์จอมเทียนพัทยา จังหวัดชลบุรีเมื่อไปถึงเห็นคณะทัวร์จากรัสเซียกลุ่มใหญ่กำลังติดต่อเข้าที่พักเช่นกัน จึงต้องรอให้กลุ่มของเขาทำการติดต่อให้เสร็จก่อน ระหว่างนั้นสังเกตไปรอบ ๆ ก็พบว่า ซ้ายก็รัสเซีย ขวาก็รัสเซีย หน้าหลังล้วนรัสเซียเต็มไปหมด เราไม่ได้มาที่นี่ 3 – 4 ปีแล้ว วันนี้ที่นี่....เปลี่ยนแปลงไปมาก


                                        นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียบริเวณชายหาดจอมเทียน

                เมื่อนำข้าวของเก็บในห้องพักเรียบร้อยแล้ว คณะได้ไปเดินเล่นเบา ๆ ด้านหลังที่พักซึ่งเป็นชายหาดที่เรียกว่า จอมเทียน จากที่เคยเงียบเหงาไร้ผู้คนมาก่อนหน้านี้ บัดนี้มีกิจกรรมท่องเที่ยวเกิดขึ้นจนเต็มพื้นที่ เป็นต้นว่า ลานเบียร์ ร้านเครื่องดื่ม ชากาแฟ ร้านอาหาร เต็นท์นวดแผนไทย เก้าอี้ชายหาดที่ขณะนี้เต็มไปด้วยชาวรัสเซียนอนตากแดด ตากลมเต็มไปหมด ยาวเหยียดไปสุดแดนของโรงแรม....ไม่เว้นแม้แต่ในสระว่ายน้ำก็เต็มไปด้วยคนทุกเพศ ทุกวัยเล่นน้ำกันสนุกสนานกันจนเต็มสระ.....แน่ละล้วนแล้วแต่มาจากรัสเซีย

                รุ่งขึ้นอีกวันหลังอาหารเช้า พวกเรานำรถมุ่งตรงไปยังท่าเรือ (Pier) แหลมบาลีฮายในเขตพัทยากลางเป้าหมายคือ เกาะล้าน (Koh Larn) ทะเลใส หาดทรายขาว ปะการังสวย แร่ศักดิ์สิทธิ์


                                                   นักท่องเที่ยวลงเรือที่ท่าเรือบารีฮาย

                8.30 น. ถึงท่าเรือ ยาดยานบนถนนแออัด ผู้คนหนาแน่น คนส่วนมากที่นี่ไม่ใช่ชาวรัสเซียแต่กลับเป็นชาวไทย ชาวจีนต่างกำลังเบียดเสียด เข้าคิวซื้อตั๋วโดยสารลงเรือไปยังเป้าหมายของตน ราคาคนละ 150 บาท ที่นี่เกิดธุรกิจมากมายนับแต่รับฝากรถราคาระหว่าง 100 – 300 บาทต่อวัน รถมอเตอร์ไซด์รับ-ส่งไปลงเรือราคา 50 บาทต่อคน กล้องแอบถ่าย (ตัวเรา) นำไปทำของที่ระลึกชิ้นละ 250 บาท แม้กระทั่งห้องน้ำก็ครั้งละ 5 บาท

                เรือโดยสารขนาดบรรจุได้ 150 คนต่อเที่ยวนำพวกเราไปยังเกาะล้านในเวลา 10.00 น.ใช้เวลาเดินเรือประมาณ 44 นาทีก็ถึงเกาะล้าน เรือเทียบท่าเที่ยวแรกของเช้านี้ที่หาดแสม (Samae Beach)

                หาดแสม เป็นหาดที่มีความสวยงามมากที่สุดอีกหาดหนึ่ง มีหาดทรายยาวถึง 300 เมตร เงียบสงบเป็นที่นิยมของนักท่องเทียวชาวยุโรปที่ต้องการพักผ่อน พื้นที่ของหาดแสมทั้งหมดอยู่ในความดูแลของเมืองพัทยา ทำให้หาดแสมมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และมีร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวได้เลือกลิ้มลองอาหารทะเลเป็นจำนวนมาก ในอนาคตหาดแสมแห่งนี้จะได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีที่พักพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัย ไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ เลยทีเดียว


                                                                หาดแสมเกาะล้าน

                นอกจากนี้ รอบ ๆ เกาะล้านยังมีหาดอื่น ๆ ที่น่าท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากอาทิเช่น หาดแหวน (Ta Waen Beach) หาดสังวาล (Sangwan Beach)  หาดทองหลาง (Thong Lang Beach)  หาดเทียน (Thien Beach) และหาดนวล (Nual Beach) ขึ้นอยู่กับกลุ่มท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มว่าจะมีเป้าหมายไปลงเรื่อที่หาดใด

แต่สำหรับพวกเราเลือกที่จะมาที่หาดแสมเพื่อขยายการท่องเที่ยวไปยัง...เกาะล้านไข่เมีย เพื่อดำน้ำชมปะการัง โดยจ่ายค่าบริการเรือใหญ่ พร้อมอุปกรณ์และสต๊าฟดูแลขณะดำน้ำคนละ 400 บาทใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง -  2 ชั่วโมง

                รถโดยสารขนาดเล็กนำเราไปตามถนนรอบเกาะ ผ่านเนินเขา ขึ้น – ลงสัก 10 นาทีก็ถึงท่าเรือใหญ่นำเราไปสู่ท้องทะเล ที่นี่แออัด จอแจอีกที่หนึ่งเพราะใคร ๆ ก็มารอใช้บริการนำไปสู่กิจกรรมเป้าหมายของตนส่วนใหญ่มาเป็นกลุ่ม มีตั้งแต่ 2 - 3 คนไปจนถึง 10 – 12 คน พวกเราใช้เวลาดำดิ่งชมความสวยงามใต้ท้องทะเลจนครบกำหนดเวลาจึงกลับเข้าหาฝั่ง เพื่อต่อเรือกลับพัทยาเที่ยว 15.30 น.
      


ร้านอาหารร้านหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปรับประทานริมชายทะเลพัทยาใต้


                อาหารเย็นมื้อนี้เป็นเมนูซีฟูด (Sea Food) ราคาไม่แพงมีร้านให้เลือกริมหาดพัทยากลางไปจนถึงพัทยาใต้มากมาย ทุกร้านรสชาติอร่อยน่าลิ้มลองทั้งสิ้น จากนั้นการเดินพักผ่อนย่าน Walking Street ก็เป็นสีสันของการท่องเที่ยวในแต่ละครั้งที่ไปพัทยา เหมือนการเดินทางได้บรรลุเป้าหมายแล้ว

                เช้าวันที่สาม ยังได้ร่วมรับประทานอาหารเช้าเมนูเดิมร่วมกับชาวรัสเซียอีกครั้ง แต่ที่พิเศษไปกว่าทุกวันคือการเช็คเอ๊าท์ (Check out) คืนห้องเตรียมตัวเดินทางกลับในเที่ยงวันนี้ แต่ก่อนเดินทางกลับหลังอาหารมื้อนี้พวกเราจะเดินทางไปกราบพระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดาที่เขาชีจรรย์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร


                       พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดาเขาชีจรรย์                        

 พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดาเป็นพระพุทธรูปองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ หน้าผาหินเขาชีจรรย์สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ฝ่ายพุทธจักร สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีจิตเกษมโสมนัสสมานสโมสรสนองพระมหากรุณาธิคุณอันไพศาล ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ หน้าผาเขาชีจรรย์แห่งนี้

                ที่นี่มีทัวร์ชาวจีนและชาวไทยหนาแน่น ต่างก็มากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต เช่นเดียวกับพวกเราหลังการกราบไหว้พระที่ศักดิ์สิทธิแล้ว ก็วางแผนเดินทางไปรับประทานอาหารเที่ยงก่อนมุ่งหน้ากลับบ้าน

                รถของเรากลับเข้ามาบนถนนสุขุมวิทย์ มุ่งตรงชายทะเลพัทยาใต้อีกครั้งหนึ่ง

                ฟรื้บ !!!!!!

                เสียงลมดังออกมาจากล้อหลังฝั่งซ้าย รถเสียการทรงตัวเล็กน้อย
               พวกเราจอดรถลงมาดูตามเหตุแห่งเสียง ล้อยางแบนราบด้วยเศษตาปูเสียบอยู่กลางวงล้อ

            ก่อนเดินทาง ได้ผ่านการตรวจเช็คเครื่องยนต์ หม้อน้้ำ แบตเตอรรี่และลมยาง มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีสิ่งนี้เกิดขึ้น !!!!!!!!

                                       
                                      ยางรั่วระหว่างเดินทางต้องหยุดเปลี่ยนยางอะไหล่

                มันเป็นครั้งแรกที่เราได้ใช้สถานการณ์ครั้งนี้เรียนรู้การเปลี่ยนยางอะไหล่ด้วยตนเอง เพื่อพยุงรถให้สามารถวิ่งไปถึงร้านปะยางได้

                ที่ใกล้ที่สุดคือบี-ควิก (B-Quik) พวกเราใช้เวลาปะและเปลี่ยนยางอยู่ประมาณ 20 นาที ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมกับจะจ่ายค่าบริการ
                “ฟรีครับไม่เก็บตังค์” หนุ่มบริกรบอก
                “ไม่เอาครับ” เขาย้ำอีกครั้ง หลังจากพวกเรายื่นเงินให้ด้วยความไม่แน่ใจ

                “บี-ควิก ศูนย์บริการรถยนต์เจ้าเดียวในประเทศไทย ที่เปิดให้บริการรถยนต์ทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม ทุกเทศกาล แบบไม่มีวันหยุดและไม่มีพักเที่ยง ให้บริการด้วยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์กว่า 125 สาขาทั่วประเทศไทย จะใช้บริการวันไหน เวลาใด ก็สะดวก”


บี-ควิกพัทยากลาง

             ท่ามกลางคำประกาศของธุรกิจการยางที่รายล้อมด้วยธุรกิจหลากหลายในเมืองท่องเที่ยวเช่นนี้

สถานที่บางแห่งใช้โอกาสนี้อำนวยค่าห้องน้ำครั้งละ 10 บาท ข้าวไข่เจียวจานละ 100 บาท น้ำแข็งเปล่าแก้วละ 10 บาท นำ้เปล่าขวดละ 20 บาท  ฯลฯ แล้วแต่จะคิดได้ตามระดับของกิเลส ตัณหา อุปาทาน

แต่ที่นี่...บี-ควิก พวกเราเห็นเขาทำธุรกิจเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี ด้วยการบริการเติมลม ปะยาง สลับ ถ่วง เปลี่ยน 4 เส้น ฟรี!!!!!

                “ค่าเครื่องดื่มในตู้เย็นเขายังไม่เก็บเงินเลยครับ” หนึ่งในคณะของพวกเรากล่าวอย่างชื่นชม


                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น