สุริยา เผือกพันธ์: เขียน
ถ้าใบไม้แต่ละใบคือดวงตาแต่ละดวง เช้านี้..มันต่างจ้องมองมาที่ชายชาวนาอย่างเศร้าสร้อยหงอยเหงา
ภายในซ่อนลึกถึงคำวิงวอน ร้องขอความเห็นใจ บ่งบอกถึงความน่าสะพรึงกลัว เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน
!!!!!!!
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง หลังความมืดแฝงกายเข้ามา จนครอบคลุมราวป่า เปลวเพลิงได้ลุกโชติช่วง
ผลาญเผาป่าหัวนาอย่างบ้าคลั่ง ไอร้อนของอากาศจับมือกับความแห้งกรอบของใบไม้ที่กองทับถมเต็มผืนป่า เป็นกองกำลังยั่วยุให้การลุกไหม้รุนแรง จนรัศมีเปล่งประกายขึ้นเหนือท้องฟ้า
สว่างจ้าทั่ว นภา การโหมกระหน่ำของมัน สุดจะยื้อ !!!!!
ราว 21 นาฬิกาของวันที่ถูกพยากรณ์ว่า อุณหภูมิพุ่งสูงสุดแห่งปี ( 10 เมษายน 2559) เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น
ชายชาวนาหยิบมันขึ้นมาแนบหู ต้นสายเป็นเพื่อนบ้านผู้อารีย์ ส่งข่าวไฟไหม้ป่าหัวนาด้วยอาการตื่นตระหนก
แน่นอนว่าหากยับยั้งการโจมตีของมันไม่ได้ในคราวนี้ ความเสียหายย่อมเกิดขึ้นกับพวกเราทั้งหมด
ป่าหัวนา
เป็นป่าที่พวกเราต่างสงวนไว้เพื่อประโยชน์แห่งป่า มันเป็นป่าผืนสุดท้าย
หลังการบุกเบิกให้ป่าแปรสภาพเป็นที่ทำกินเกือบหมดสิ้น
หลังการเก็บเกี่ยวข้าวในนาปีนี้
ฝนหยาดสุดท้ายได้สั่งลาไปได้ไม่นาน ก็ถึงฤดูกาลที่ป่าไม้พักการผลิตมันสลัดใบร่วงหล่น
จนเหลือแต่โครง ลำต้น ก้าน กิ่งยื่นเป็นแขนงเสียดแทงไปในอากาศเต็มผืนป่า
ก่อนหน้านี้ผืนป่าปกคลุมไปด้วยสีเขียวของใบ
ความหมายของมันคือ ความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารของคนในพื้นถิ่น เช่น
เห็ด หัวมัน พืชผักและผลไม้ป่า หากย้อนเวลายาวไปในอดีต อาจหมายถึงแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ที่บัดนี้
ไม่เหลือสรรพสัตว์ดังกล่าวใด ๆ แม้เพียงหนึ่งชีวิตให้เห็นเลย
ในช่วงเวลาที่ผืนป่าธรรมชาติไม่มีใครแสดงสิทธิครอบครอง
มันเป็นผืนป่าที่ผู้คนในพื้นถิ่นใช้เป็นแหล่งเสาะหาอาหารมาประทังชีวิตโดยเสรี
ครั้นผืนป่าได้ถูกแบ่งสันปันส่วนให้ผู้คนมีสิทธิถือครอง ป่าได้แปรสภาพเป็นผืนนา ผืนไร่
จนสภาพของป่าเหลือน้อยลงไปเรื่อย ๆ
จนปัจจุบันนี้
ในละแวกนี้ ไม่เหลือความเป็นป่าให้เห็นอีกต่อไป คงมีผืนป่าเล็ก ๆ
ผืนนี้ที่ยังคงอยู่โดยเจตนาของชายชาวนาที่ต้องการสงวนไว้
ให้เป็นสิ่งหาดูได้ยากในอนาคตอันไกลโพ้น
แม้ผืนป่าแห่งนี้จะมีเจ้าของโดยสิทธิตามกฎหมาย
แต่ความที่เคยเป็นผืนป่าตามธรรมชาติที่ผู้คนเคยได้พึ่งพาอาศัยมาก่อน
มันจึงยังคงสืบสานวิถีการทำมาหากินของชาวบ้านอยู่ต่อไป
ผู้คนเหล่านั้นยังเข้ามาอาศัยหาของอยู่ของกินได้โดยเสรีเหมือนเดิม ไม่สำคัญว่า ในเวลาต่อมาจะถูกล้อมด้วยรั้วลวดหนามก็ตามที
รั้วลวดหนามคือ
สิ่งแปลกปลอมเข้ามาเพื่อเสริมความมั่นคงของผืนป่า มันทำหน้าที่ได้เพียงลดทอนความสะดวกสบายในการเก็บของป่า
มันไม่ได้เป็นข้อห้ามของการเก็บของป่า เพราะใคร ๆ ต่างก็ยังคงเข้าไปมะรุมมะตุ้ม
พืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ ได้เหมือนอย่างเคย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีฝนชุก
แต่สำหรับช่วงเวลาที่ร้อนแล้งเช่นนี้
ผิวน้ำในสระได้ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จนผืนดินก้นสระโผล่เป็นสันดอน เหลือเพียงน้ำขุ่นข้นแห้งขอด
รอการแตกระแหงของผิวดิน ในผืนป่ามีเสียงหวีดหวิวของลมและการปลิดปลิวของใบไม้
แทนเสียงถากถาง แหวกป่าของคนหาอยู่หากิน
ความอุดมสมบูรณ์หลบลี้ไปหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตในไร่นาแล้ว เหลือเพียงความอดอยากหิวโหยยังคงปรากฏตัวให้เห็นอย่างภักดี มันยังคงทำหน้าที่แสวงหาเพื่อความอยู่รอดต่อไป
ไฟที่ลุกลามเลียบนผืนนาที่แห้งกรัง อาจเกิดจากจุดประสงค์แม้เพียงการล่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ เท่ากำมือตัวหนึ่ง ที่มุดอยู่ในรู ก็เพื่อความอยู่รอด ตอซังข้าวที่เหลืออยู่ในผืนนากลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี
ต่อการลามไหม้ที่ขยายพื้นที่ออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด วันแล้ววันเล่า จนป่าหัวนาของชายชาวนาถูกล้อมกรอบด้วย ผืนนาสีดำของเถ้าถ่านตอซัง
เช้าวันนี้......ผืนป่าสงัดเงียบ
ไม้แต่ละต้นยืนตายแห้ง มันถูกแต้มแต่งด้วยสีเถ้าถ่าน บางต้นมีรอยไหม้เกรียมปรากฏโดยทั่ว
ผืนดินด้านล่างถูกระบายด้วยสีดำ เป็นสีเดียวกันกับที่ปรากฏในผืนนาที่อยู่รายรอบ บ้างด้นฟืนยังมีเชื้อไฟคุกรุ่น
ปล่อยควันอ้อยอิ่งอยู่เป็นหย่อม ๆ ทั่วผืนป่า
มันเป็นริ้วรอยของความพิโรธแห่งเพลิงไพรเมื่อคืนนี้
ริ้วรอยของการกลืนกินของพรายเพลิง ปรากฏให้เห็นเป็นวงกว้างทั่วป่าทั้งผืน มันเคลื่อนตัวซอกซอนไปตามเชื้ออัคนีทุกซอกหลืบ
ไม่เว้นแม้แต่กองปุ๋ยหมักที่อยู่ห่างจากกระท่อมนาเพียงหนึ่งเมตร
สถานีปลายทางของขบวนเพลิงมาสิ้นสุดที่นี่
!!!!! ไม้ที่อยู่รายรอบกระท่อมนาจึงรอดเงื้อมมืออัคคีภัยอย่างหวุดหวิด
คงอยากเหลือไว้เพื่อบอกเล่าคืนวันอันโหดร้าย
ชายชาวนาใช้ถังทยอยตักน้ำก้นสระไปดับไฟที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นหย่อม
ๆ ในผืนป่า ทีละกอง ๆ เพียงวิดน้ำจากถังไปทีละฝ่ามือ ไฟที่ระอุอยู่ก็ค่อย ๆ
หมดฤทธิ์ไป ทีละเล็กทีละน้อย
ความเย็นสงบสยบความรุ่มร้อน
!!!!
ไม่ว่าสาเหตุของความเกี้ยวกราดเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อค่ำคืนนี้จะมาจากสาเหตุใด
คนเป็นผู้ชักนำอย่างแน่นอน
ถ้าใบไม้แต่ละใบคือดวงตาแต่ละดวง
เช้านี้มันต่างจ้องมองมาที่ชายชาวนาอย่างเศร้าสร้อยหงอยเหงา ภายในซ่อนลึกถึงคำวิงวอน
ร้องขอความเห็นใจ
การให้อภัยสัมพันธ์กับความสุขอย่างลึกซึ้ง
การให้อภัยเป็นเสมือนราชินีของคุณธรรมทั้งหมด หากใจของเราเต็มไปด้วยความเกลียดชังและโกรธแค้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า
นั่นคือการเอาความผิดของคนอื่นมาลงโทษตัวเราเอง ดังนั้น การให้อภัยคนอื่นที่แท้แล้วก็คือ
การให้อภัยให้กับตนเองนั่นเอง (คริสโตเฟอร์ ปีเตอร์สัน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น