วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เดินเดี่ยวแดนดอกบัวกับคนดูแล : Roaming alone with Carer




                                                                                                   สุริยา เผือกพันธ์ : เขียน


               ................................................                                                            

                  อาการมึนศีรษะ ไม่รู้ว่าหายไปแต่เมื่อไร

                ขณะก้มลงกราบพระพุทธรูป ที่ประดิษฐานอยู่ในห้องโถงใต้เจดีย์รูปทรงพุทธคยา ด้วยใจที่จดจ่อ รวมจิตให้แน่วแน่เพื่อสร้างแรงอธิษฐานให้มีพลัง
                ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ได้จัดกระเป๋า พับจักรยาน (Folding Bike) ใส่กระโปรงท้ายรถเก๋ง ออกจากบ้านพักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง มุ่งหน้าไปตามถนนสาย 226 เป้าหมายคือเมืองอุบลราชธานี




 ระหว่างทางนอกจากแสงไฟหน้ารถที่วิ่งสวนทางมา สองฝั่งถนนยังมีแสงแว๊บแว๊บจากรถจักรยานของนักปั่นผู้รักสุขภาพอยู่สองข้างทางเป็นระยะ ๆ  มีทั้งกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่


                             กลุ่มนักปั่นวันวาเลนไทน์จากเมืองศีรสะเกษ                         

                 ผมมาพักรถอยู่ที่ปั๊มน้ำมันอำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ ในเวลาเจ็ดโมงเช้าเศษ ๆ
                และที่นี่ ท้องของผมเพิ่งได้รับอาหารเช้าอ่อน ๆ ด้วยกาแฟรสเข้ม แก้วเล็ก ๆ ขนาด  1 กลืนหมดเป็นมื้อแรกเพียงจิบเดียว มันทำให้ศีรษะผมมึนไปจนเลยเที่ยงวัน
                จากสุรินทร์ผ่านไปศรีสะเกษ เข้าวารินชำราบ ทะลุถึงเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานีเป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน
 ผมเริ่มจับจักรยานพับปั่นไปตามถนนชยางกูร หลังอาหารเที่ยงที่สุนีย์แกรนด์โฮเทล ละเลียดฝั่งซ้ายของถนนไปทางทิศเหนือ สองฝั่งถนนสายหลักของเมืองดอกบัวเต็มไปด้วยตึกรามใหญ่โตแบบเมืองที่ทันสมัย การค้าการขายเป็น Modern Trade ไปหมดทำให้ร้านรวงเล็ก ๆ ที่เคยมีในครั้งก่อนต้องหลบหลีกตัวเองไปอยู่ตามตรอกซอกซอย
                ไม่ต่างอะไรกับปลาเล็ก ปลาน้อยที่หลบซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของโขดหิน เพื่อหลบภัยจากปลาใหญ่ที่ว่ายวนอยู่ในทะเลกว้าง  
                ผมพาจักรยานพับวิ่งออกจากศูนย์การค้าใหญ่เมืองอุบลไปได้ไม่ถึง  10 นาทีก็ถึงวัดพระธาตุหนองบัว
                ที่นี่เป็นวัดใหญ่ใจกลางเมือง เป็นสถานที่เคารพกราบไหว้ของคนเมืองและนักท่องเที่ยวจากที่ต่าง ๆ แวะเวียนมาเพื่อสักการะอยู่เนื่อง ๆ
                ที่นี่ ประดิษฐานพระธาตุหนองบัว



                                                      คณะผู้ก่อตั้งวัดพระธาตุหนองบัว
                    (นายทองพูน ยุวมิตร นายฟอง สิทธิธรรม นายคำโพธิ์ ยุวมิตรและนายเฮง ปัญญา)

                พระธาตุหนองบัว จำลองตามแบบอย่างพระเจดีย์พระพุทธคยา ประเทศอินเดีย เดิมมีความกว้างด้านละ 6 เมตร องค์พระธาตทั้ง 4 ด้านแกะสลักพระประจำวันเกิดและกลีบบัวประดับ ฐานล่างแกะรูปพระพุทธเจ้าปางประสูติ ตรัสรู้ปฐมเทศนาและปรินิพาน ต่อมาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานยังองค์พระบรมธาตุและได้ทำการก่อสร้างพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เล็ก กว้างด้านละ 17 เมตร ส่วนยอดเป็นฉัตร 4 ชั้นลงรักปิดทองที่ยอดฉัตรเป็นรูปดอกบัวตูม ทำด้วยทองคำหนัก 31 บาท


                     คณะนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเบญจลักษณ์ จังหวัดศีรสะเกษมาทำบุญ

                วันนี้..วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559  เป็นวันหยุดที่มีผู้คนแวะเวียนมาทำบุญตลอดทั้งวันเช่นเคยภายในบริเวณวัดสะอาด ร่มรื่นและสงบ แม้จะมีผู้คนหนาตา แต่ที่นี่ ไม่สับสนอลหม่าน เป็นสำรวมอาการที่ปรากฏโดยไม่มีใครนัดแนะ
                ผมเดินตามผู้คนเข้าไปภายในบริเวณพระธาตุ ด้วยดอกไม้ธูปเทียนเป็นเครื่องสักการะ
                คุกเข่าพนมมือกราบสามครั้ง ต่อหน้าพระพุทธรูปที่เปล่งปลั่งด้วยประกายสีทองอร่าม
                ........................................................................................................................................................

                อรหังวันทามิ ธาตุโย อรหัง วันทามิ สัพโส อรหัง สุขิโต โหมิ
        ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พี่ง  ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อมบูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเข้า ผู้เสียสละสั่งสมบารมีนับชาติมิถ้วน ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณประกาศธรรม นำเวไนยสัตว์ ออกจากสังสารวัฏ พร้อมกราบพระธรรมและพระอริยสงฆ์ ขอตั้งสัจจะอธิษฐาน ด้วยอนิสงค์ผลแห่งบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ได้ถึงซึ่งพระนิพพาน แม้ต้องเกิดในภพชาติใด ๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งบวรพระพุทธศาสนา ได้พบสัตตบุรุษผู้รู้ธรรมอันประเสริฐ มีกรรมสัมพันธ์ที่ดี ได้เกิดท่ามกลางกัลยาณมิตรห่างไกลจากพาล มีโอกาสฟังธรรม ประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยให้เจริญด้วยสติและปัญญาญาณ ตามส่งชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ


                                                        พุทธศาสนิกชนตั้งจิตอธิษฐาน

กรรมใด ๆ ที่ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์และสรรพสัตว์ทั้งหลายในอดีตชาติก็ตามปัจจุบันชาติก็ตาม กราบขออโหสิกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น ขออุทิศกุศลผลบุญให้แด่ท่านผู้มีพระคุณ ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนท่านที่ขวนขวายในกิจที่ชอบ ในการดำรงรักษาไว้ซึ่งประเทศชาติ พระพุทธศาสนาและองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ ขอให้ท่านทั้งหลายดังกล่าวมานั้น จงมีแต่ความสุข ๆ ทั่วหน้ากันทุกท่านเทอญ
                ขณะกราบพระบรมสารีริกธาตุ
  อาการมึนศีรษะไม่รู้ว่าหายไปแต่เมื่อใด
                แต่ผมมั่นใจได้ว่า
                มันจะมารบกวนผมอีก.....ถ้าผมยังจิบกาแฟถ้วยเดิม

               


            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น