สุริยา เผือกพันธ์ : เรียบเรียง
“โลกธุรกิจยุคใหม่มีคำว่า “Social
Media” มีคำว่า “Freelance” เกิดขึ้นมาใหม่ แรงงานของโลกทั้งใบจึงมีแง่มุมทับซ้อนกันหลายมิติ ยิ่งสำหรับกับประเทศไทย
การพัฒนาด้านการศึกษายิ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างแยกกันไม่ออกกับความคิดและมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน”
ตามหลักสากลจะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น
3
กลุ่ม (Generations) คือ Baby Boomer,
Generation X และ Generation Y ซึ่งแต่ละกลุ่มมีคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน
1.Baby
Boomer คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2494 – 2512 อายุระหว่าง 47 – 65 ปี จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงานที่เคารพกฎเกณฑ์
กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงาน แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ
อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการทำงานและองค์กรมาก
คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อย เนื่องจากมีความจงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก
2.Generation
X คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2513 – 2527 อายุระหว่าง 32 – 46 ปี มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่าย
ๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว(Work-life
Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง
ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง
พร้อมรับฟังข้อติติงเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง
3.Generation
Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2528 – 2548 อายุระหว่าง 11 – 31 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
เป็นวัยที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง
ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่า
สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร
อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารและยังสามารถทำงานหลาย
ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน
ปัจจุบันเราอยู่ท่ามกลางสังคมออนไลน์
สามารถรับรู่ข่าวสารได้รวดเร็วและเท่าเทียมกัน พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2558
คนรุ่นใหม่จึงต้องการรวยเร็ว
รวยด้วยตนเองแบบไม่ต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน เลือกงานออฟฟิศน้อยลง
อดทนต่ำกับสิ่งไม่ชอบ นิยมไอดอลนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ประสบผลสำเร็จ คนรุ่นใหม่จึงสนใจหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
นอกจากนี้ นอกจาก 8 วิชาชีพที่เตรียมเปิดต้อนรับ AEC ที่สามารถไหลเวียนกันได้อย่างเสรี
ทั้งวิศวกรรมการสำรวจ สถาปัตยกรรม แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล
การบริการและการบัญชีแล้ว แวดวงแรงงานไทยก็มีความตื่นตัว
เพราะสามารถนำโอกาสนี้ไปแสวงหาอาชีพ-รายได้ จากลู่ทางที่เพิ่มมากขึ้นแรงงานหรือชนชั้นกรรมาชีพก็ได้รับสิทธิ์อันนี้เช่นเดียวกัน
จากโอกาสที่เปิดกว้างขึ้น ถึงแม้ว่าการย้ายถิ่นฐานเพื่อค้าแรงงานในต่างแดนจะต้องดูที่ปัจจัยและความพร้อมหลายด้านก็ตาม
Freelance หรืออาชีพรับจ้างอิสระกำลังขยายตัวแบบก้าวกระโดด
แรงงานลักษณะใหม่นี้เป็นที่น่าจับตามอง
เป็นที่รู้จักและเป็นอาชีพรูปแบบใหม่ในฝันของคนรุ่นใหม่อยากจะเป็น อยากจะทำ
ซึ่งสื่อระดับโลกหลายสำนักต่างวิเคราะห์ตรงกันว่า
แรงงานแบบ Freelance นี้ อาจกลายเป็นรูปแบบหลักของการทำงานในวันข้างหน้าและจะส่งผลต่อตลาดแรงงานในโลกอนาคตมากทีเดียว
แต่การรักษา ”สมดุล” ระหว่างชีวิตด้านอื่นกับการทำงานก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึง
หลายมิติของ Freelanceไม่ได้สวยหรู
อย่างน้อยก็ในเรื่องหลักประกันของความมั่นคงด้านรายได้
Freelance อาจจะไม่ใช่แค่เทรนด์
แต่จะเป็นอนาคตของการทำงานรูปแบบใหม่และจะมีผลต่อตลาดแรงงานทั่วโลก
ตามศัพท์เศรษฐกิจที่ถูกบัญญัติไว้ว่า Freelance Economy ซึ่งปัจจัยที่ทำให้อาชีพรับจ้างอิสระเติบโตก็มาจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอินเตอร์เน็ต
ระบบจัดหางานในแพลตฟอร์มใหม่ ๆ การเติบโตของ Co-Working Space และทัศนคติของ Generation Y ในยุค Millennials
Harvard Business Review จึงวิเคราะห์ว่า
Freelance ไม่เป็นแค่คนทำงานทั่วไป แต่หมายถึงผู้บริหารระดับสูง ไฮเอนด์
เป็นผู้จัดการระดับบน นักกฎหมาย ผู้อำนวยการสานการเงิน กระทั่งที่ปรึกษาทางธุรกิจ
เป็นขั้นของ Supertemp
(temp: temporary work)
Freelance Industry
Report รายงานว่า ในจำนวน Freelance ทั่วโลก
ทั้งตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกาและยุโรป
เป็นผู้หญิงอายุราว 30 – 50 ปีในสัดส่วนสูงถึง 71
% นวัตกรรมด้านทุนในปัจจุบัน ได้ออกแบบให้การจ้างงานมีความสลับซับซ้อนเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในเรื่องของแรงงาน
ทำให้คนรุ่นใหม่เจอปรากฏการณ์เกี่ยวกับการ “ทำงานหนัก” คนรุ่นใหม่จึงหันไปสู่เส้นทาง
Freelance กันมากมาย
.............................................................................................................................................................
หมายเหตุ เรียบเรียงจากวารสาร Chic Biz ฉบับที่ 31 และอื่น ๆ Free Copy.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น