วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Freelance งานของคนรุ่นใหม่ (3 Generation of the Business World)






                                                                                                            สุริยา เผือกพันธ์ : เรียบเรียง

“โลกธุรกิจยุคใหม่มีคำว่า  “Social Media” มีคำว่า “Freelance” เกิดขึ้นมาใหม่ แรงงานของโลกทั้งใบจึงมีแง่มุมทับซ้อนกันหลายมิติ ยิ่งสำหรับกับประเทศไทย การพัฒนาด้านการศึกษายิ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างแยกกันไม่ออกกับความคิดและมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน”

ตามหลักสากลจะมีการแบ่งกลุ่มคนทำงานออกเป็น 3 กลุ่ม (Generations)  คือ Baby Boomer, Generation X และ Generation Y ซึ่งแต่ละกลุ่มมีคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน

1.Baby Boomer คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2494 – 2512 อายุระหว่าง 47 – 65 ปี จะเป็นคนที่มีชีวิตเพื่อการทำงานที่เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงาน แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะทำงานหนักเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว มีความทุ่มเทกับการทำงานและองค์กรมาก คนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนงานบ่อย เนื่องจากมีความจงรักภักดีกับองค์กรอย่างมาก

2.Generation X คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2513 – 2527 อายุระหว่าง 32 – 46 ปี มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่าย ๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว(Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติงเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง

3.Generation Y คือ กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2528 – 2548 อายุระหว่าง 11 – 31 ปี เป็นกลุ่มคนที่โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบและไม่ชอบเงื่อนไข คนกลุ่มนี้ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่า สิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารและยังสามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน


                ปัจจุบันเราอยู่ท่ามกลางสังคมออนไลน์ สามารถรับรู่ข่าวสารได้รวดเร็วและเท่าเทียมกัน พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2558 คนรุ่นใหม่จึงต้องการรวยเร็ว รวยด้วยตนเองแบบไม่ต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน เลือกงานออฟฟิศน้อยลง อดทนต่ำกับสิ่งไม่ชอบ นิยมไอดอลนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ประสบผลสำเร็จ คนรุ่นใหม่จึงสนใจหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น

                นอกจากนี้ นอกจาก 8 วิชาชีพที่เตรียมเปิดต้อนรับ AEC ที่สามารถไหลเวียนกันได้อย่างเสรี ทั้งวิศวกรรมการสำรวจ สถาปัตยกรรม แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล การบริการและการบัญชีแล้ว แวดวงแรงงานไทยก็มีความตื่นตัว เพราะสามารถนำโอกาสนี้ไปแสวงหาอาชีพ-รายได้ จากลู่ทางที่เพิ่มมากขึ้นแรงงานหรือชนชั้นกรรมาชีพก็ได้รับสิทธิ์อันนี้เช่นเดียวกัน จากโอกาสที่เปิดกว้างขึ้น ถึงแม้ว่าการย้ายถิ่นฐานเพื่อค้าแรงงานในต่างแดนจะต้องดูที่ปัจจัยและความพร้อมหลายด้านก็ตาม

                Freelance หรืออาชีพรับจ้างอิสระกำลังขยายตัวแบบก้าวกระโดด แรงงานลักษณะใหม่นี้เป็นที่น่าจับตามอง เป็นที่รู้จักและเป็นอาชีพรูปแบบใหม่ในฝันของคนรุ่นใหม่อยากจะเป็น อยากจะทำ ซึ่งสื่อระดับโลกหลายสำนักต่างวิเคราะห์ตรงกันว่า แรงงานแบบ Freelance นี้ อาจกลายเป็นรูปแบบหลักของการทำงานในวันข้างหน้าและจะส่งผลต่อตลาดแรงงานในโลกอนาคตมากทีเดียว

                แต่การรักษา ”สมดุล” ระหว่างชีวิตด้านอื่นกับการทำงานก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึง หลายมิติของ Freelanceไม่ได้สวยหรู อย่างน้อยก็ในเรื่องหลักประกันของความมั่นคงด้านรายได้


                Freelance อาจจะไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่จะเป็นอนาคตของการทำงานรูปแบบใหม่และจะมีผลต่อตลาดแรงงานทั่วโลก ตามศัพท์เศรษฐกิจที่ถูกบัญญัติไว้ว่า Freelance Economy ซึ่งปัจจัยที่ทำให้อาชีพรับจ้างอิสระเติบโตก็มาจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอินเตอร์เน็ต ระบบจัดหางานในแพลตฟอร์มใหม่ ๆ การเติบโตของ Co-Working Space และทัศนคติของ Generation Y ในยุค Millennials

                Harvard Business Review จึงวิเคราะห์ว่า Freelance ไม่เป็นแค่คนทำงานทั่วไป แต่หมายถึงผู้บริหารระดับสูง ไฮเอนด์ เป็นผู้จัดการระดับบน นักกฎหมาย ผู้อำนวยการสานการเงิน กระทั่งที่ปรึกษาทางธุรกิจ เป็นขั้นของ Supertemp (temp: temporary work)

                Freelance Industry Report รายงานว่า ในจำนวน Freelance ทั่วโลก ทั้งตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกาและยุโรป เป็นผู้หญิงอายุราว 30 – 50 ปีในสัดส่วนสูงถึง 71 %  นวัตกรรมด้านทุนในปัจจุบัน ได้ออกแบบให้การจ้างงานมีความสลับซับซ้อนเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในเรื่องของแรงงาน ทำให้คนรุ่นใหม่เจอปรากฏการณ์เกี่ยวกับการ “ทำงานหนัก” คนรุ่นใหม่จึงหันไปสู่เส้นทาง Freelance กันมากมาย


.............................................................................................................................................................

หมายเหตุ เรียบเรียงจากวารสาร Chic Biz ฉบับที่ 31 และอื่น ๆ Free Copy.






วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ทาสยุคใหม่ทั่วโลก 45.8 ล้านคน (Global Slavery Index 2016 Estimates 45.8 Million People Trapped In Modern Slavery)


                                                  SEERAT CHABBA : เขียน
                                      สุริยาเผือกพันธ์: แปลและเรียบเรียง

ประมาณการดัชนีทาสยุคใหม่จากทั่วโลกถูกเปิดเผยเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันอังคาร (31 พฤษภาคม 2559) ว่ามีประมาณ  45.8 ล้านคน กระจายอยู่ใน 167 ประเทศในรูปแบบทาสสมัยใหม่
ภูมิหลัง (Back Ground) 
           มูลนิธิ Walk Free Foundation ก่อตั้งโดยแอนดรูว์และนิโคลา ฟอร์เรสต์ (Andrew and Nicola Forrest) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาสภาพการเป็นทาสยุคใหม่ทั่วโลก และผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินเป็นตระกูล Forrest ในนามมูลนิธิ  Minderoo Foundation นอกจากนี้ยังเป็นผู้เริ่มต้นให้ข่าวสารและการช่วยเหลือแก่ประเทศต่าง ๆ ให้สามารถแก้ปัญหาการค้าทาสในประเทศของพวกเขา เราหวังว่าคุณจะเป็นคนหนึ่งที่จะร่วมกับพวกเขาในการแสวงหาหนทางยุติปัญหาการค้าทาสยุคใหม่เพื่อทุก ๆ คน 
            Global Slavery Index 2016
           จากรายงานของมูลนิธิ Walk Free Foundation  ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิมนุษยชนในออสเตรเลีย ได้ประมาณการการเพิ่มขึ้นของคนที่เกิดมาเป็นทาส (servitude) ในลักษณะค้ามนุษย์ทางเพศ (trafficked for sex work) หรือติดหลุมพรางการขัดหนี้ (debt bondage)หรือการใช้แรงงาน (forced labor) จาก 35.8.ล้านคนในปี 2014 ประมาณการสูงที่สุดที่แพร่หลายของทาสยุคใหม่คิดเป็นสัดส่วนต่อประชากรที่พบในเกาหลีเหนือคือ 1 ต่อประชากร 20 คน หรือ 4.4 % ของประชากร 25 ล้านคนตกเป็นทาส  การค้นพบนี้สอดคล้องกับรายงานของรัฐเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานด้วย ซึ่งอย่างน้อยได้แสดงถึงการที่รัฐบาลก็มีความพยายามที่จะลดจำนวนลง


โมฮัมหมัด มาแนน แอนสารี อายุ 18 ปีได้รับการช่วยเหลือมาจากเหมืองแร่ Jharkhand mica mines ที่เขาทำงานอยู่ตั้งแต่อายุ 6 ปีเมื่อปี 2014 ผู้ถ่ายภาพเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพไกลาส สัตยาธี ( Kailash Satyarthi) นักต่อสู้เพื่อสิทธิเด็ก ถ่ายไว้ที่กรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2014 PHOTO: GETTY IMAGES/CHANDAN KHANNA/AFP
 ประเทศอินเดียอยู่ในระดับต้น ๆ ของบัญชีรายชื่อของประเทศที่มีจำนวนทาสยุคใหม่มากที่สุดซึ่งประมาณว่ามีจำนวนถึง 18 ล้านคนหรือ 1.4 % ของประชากรทั้งหมด ตามด้วยอันดับสองคือ จีน ปากีสถาน บังคลาเทศและอุซเบกิสถานตามลำดับ
อุซเบกิสถานมีทาสยุคใหม่จำนวนสูงสุดเป็นอันดับสอง เมื่อเทียบสัดส่วนกับจำนวนประชากร คิดเป็น 3.973 % ที่ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้เงื่อนไขของการเป็นทาสยุคใหม่